- 12 ส.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tews.co.th
สืบเนื่องจากเหตุการณ์การลอบวางระเบิดในหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ และฝ่ายความมั่นคงมั่นใจว่าเป็นเหตุการกระทำที่ต้องการให้ดิสเครดิตการบริหารประเทศของรัฐบาลและคสช. ล่าสุดในเฟซบุ๊ก ของดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีม.รังสิต ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในช่วงนี้ มีสาระใจความสำคัญดังนี้
“จากผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่เฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมืองด้วยความห่วงใย วิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นดังนี้ครับ...
การเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกาในประเทศไทยนี่เป็นเรื่องน่าสังเกต โดยก่อนหน้านี้(7ส.ค.59)ไม่กี่วัน มีการก่อการร้ายติดๆกันในสามจังหวัดภาคใต้ซึ่งน่าจะมาจากกลุ่มทักษิณกับสหรัฐฯครับ เห็นกลุ่มก่อการร้ายในเขตนี้ออกมาต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่ร่างนี้จะทำให้กลุ่มมุสลิมที่เข้าไปในเวทีการปกครองส่วนท้องถิ่นมีอิสระจากการปกครองส่วนกลางอย่างชัดเจนซึ่งผมเห็นว่าน่าจะสอดคล้องกับข้อเรียกร้องที่จะเป็นอิสระจากรัฐบาลไทยด้วยซ้ำ เรียกว่าเข้าใกล้การบริหารจัดการตนเองไปอีกขั้น รู้แต่ว่ามีการวางแผนทำเป็นขบวนการ เดินสายปล่อยข่าวตามตำบล หมู่บ้านสารพัดเรื่องตามความสนใจของชุมชนนั้น กับคนในเมืองยังบอกว่ารธน.นี้จะเอาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มุสลิมจะเดือดร้อน
ประกอบกับคำเตือนของสถานทูตสหรัฐฯเกี่ยวกับสถานการณ์วันลงประชามติและการแสดงท่าทีต้องการตรวจสอบการลงประชามติของไทยแบบไร้มารยาท หากเราทบทวน Arub Spring จะพบว่าการแสดงบทบาทของสหรัฐฯก่อนสงครามกลางเมืองในตะวันออกกลางทุกประเทศคล้ายกันมากกับการเคลื่อนไหวในไทย ล่าสุดก็ยังเที่ยวไปพบหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคและกลุ่มเสื้อแดงกลุ่มนปช.ทั้งหลาย เมื่อประกอบกับข้อมูลเรื่องที่ทูตอเมริกันในมาเลเซียและในไทยคนปัจจุบันที่เคยสร้างวีรกรรมมาที่ตะวันออกกลางแล้วได้รับความดีความชอบนับว่าเข้าเค้าทีเดียวครับ
การทำศึกนี้น่าจะเป็นความเป็นไปได้ครั้งสุดท้ายที่สหรัฐฯจะกลับเข้ามามีอิทธิพลเหนือไทยเหมือนก่อนถ้าหาก คสช.แพ้ ยังพอมีหวังจะเข้ามาใช้ฐานทัพอู่ตะเภาเพื่อปิดล้อมจีนในทะเลจีนใต้ หลังจากกรณีพิพาทระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ที่ศาลโลกตัดสินว่าจีนไม่มีสิทธิ์อ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะ แต่เมื่อจีนไม่ยอมรับก็ยากที่จะกดดันให้จีนต้องถอยกำลังออกจากบริเวณเกาะที่ว่าครับ
ผมรู้สึกเศร้าใจเหลือเกินทีคนไทยจำนวนหนึ่งรับประโยชน์จากสหรัฐฯเข้ามาทำลายชาติ รวมทั้งกลุ่มNGOsที่มองสถานการณ์เหมือนม้าลำปางจึงกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของสหรัฐฯเต็มตัว ถ้าฮิลลารี่ที่เป็นตัวแทนสหรัฐฯกลุ่มทุนผูกขาดข้ามชาติได้เป็นประธานาธิบดี ไทยคงจะถูกรุกรานมากกว่านี้ครับ แนวโน้มคงจะได้เป็นเสียด้วยเพราะสามารถเขี่ยแซนเดอร์ให้พ้นทางด้วยอิทธิพลมืดแถมอุ้มฆ่าทนายความที่จะมาเรียกร้องสิทธิให้แซนเดอร์อีก
สำหรับเรื่อง email ส่วนตัวของฮิลลารี่ที่ใช้บรรดาทูตอเมริกันให้ก่อการร้ายล้มรัฐบาลในตะวันออกกลางก็ถูกชำระสะสางให้พ้นมลทินแล้ว จึงน่าจะแน่นอนที่เธอจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีครับ
นี่ยังไม่ใช่ยกสุดท้าย เมื่อผลประชามติออกมาภาคอีสานยังเหมือนเดิมและที่น่าพิจารณาเป็นพิเศษว่าทำไมคนในสามจังหวัดภาคใต้จึงไม่รับร่าง ทั้งๆที่จะเปิดโอกาสให้พวกเขาจัดการตนเองภายใต้องค์กรส่วนท้องถิ่นได้อย่างมีอิสระอย่างไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 2550 อปท.ต้องอยู่ใต้การควบคุมของมหาดไทย การก่อความไม่สงบระยะนี้และการไม่รับร่างฯจึงมีนัยสำคัญว่ามีบุคคลจากภายนอกเข้าไปชักใยครับ ดังนั้นหลังฮิลลารี่ได้รับเลือกตั้ง เตรียมตัวรับมืออีกระลอกใหญ่ครับ ถ้าฮิลลารี่ทำไม่สำเร็จก็น่าจะพ้นภัยขาวแล้วครับ แต่คงต้องเตรียมรับมือกับภัยเหลืองต่ออีก
ผลข้างเคียงที่ได้จากปรากฏการณ์การทำประชามติคือผลทางความมั่นคงฝ่ายโยบายได้ทำการวิเคราะห่ไว้ว่า....@การไม่รับในพื้นที่อีสาน 15 จังหวัด(ยกเว้นโคราช เลย อำนาจเจริญ อุบล : รับ) ภาคเหนือ 3 จังหวัด(เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา) และ 3 จว.ชดต.ในเชิงสัญลักษณ์ เป็น การประกาศอิสระจากอำนาจรัฐ (ภาคเหนือกับอีสาน พรรคเผาไทยเคยประกาศว่าจะจัดตั้งเปนรัฐไทยใหม่ เช่น สปป.ล้านนา กับ สปป.ล้านช้าง) ส่วน 3 จว.ชดต. ประกาศแยกโดยกลุ่มอิสลาม(ซึ่งเป็นชุดข้อมูลเก่า)
ผลของประชามติจึงสร้างข้อสันนิษฐานใหม่ได้ว่า ความวุ่นวายที่ 3 จังหวัด ชดต. เป็นเงื่อนไขการเมืองภายในประเทศ ที่กลุ่มการเมืองบางกลุ่มสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างมีนัยยะสำคัญ การประชามติเปนการโยนก้อนหินถามทางเพื่อไล่งูให้ออกจากพง สามารถหยั่งกำลังมวลชนฝ่ายปรปักษ์ได้ชัดเจนขึ้น
ส่วนการปรากฏตัวของ จนท.ทูตมะกัน 3 ตัวที่เมืองนครศรีฯ ยืนยันเจตนารมณ์ว่าไอ้กันต้องการบั่นทอนความมั่งคงของไทยได้ชัดเจน เพราะเข้าไปเชื่อมประสานกลไกฝ่ายปรปักษ์ใน 3 จว.เพื่อยีนยันผลงานกับกลุ่มทุนมะกันในส่วนกลาง(ยุโรป -อเมริกา)ทั้งนี้เพราะในเชืงภูมิศาสตร์การเมืองแล้ว เมืองนครฯเปนจุดยุทธศาสตร์การแฝงตัวที่ไร้ข้อสงสัย หากปรากฏตัวในพื้นที่ๆลึกไปกว่านครฯ จะเปนการแหวกหญ้าให้งูตื่น อีกทั้งนครฯในอดีต เคยเปนศูนย์กลางของเมือง 12 นักษัตรภาคใต้ การปรากฏตัวครั้งนี้จึงสมบูรณ์แบบๆไร้ที่ติในมุมมองของไอ้กัน
การเมืองของไทย ณ ต่อไปนี้ เป็นปฏิบัติการทางการเมืองที่แท้จริง ทุกอย่างเริ่มนับถอยหลังไปสู่มวลวิกฤต(Critical Mass) ทั้งทางสังคมและทางการเมืองว่า จะเป็นประโยชน์ต่อเมืองไทยหรือไม่ สิ่งที่ คสช.พึงดำเนินการ คือฉวยโอกาสเร่งโหมด ปฏิรูปอย่างจริงจังมากขึ้น ปัญหาคาราคาซัง อย่างสมเด็จสังฆราช สมีโย และขบวนการคอร์รัปชั่น สมควรลงมือให้เด็ดขาดมากขึ้นแบบเห็นดำเห็นแดงกันเลย และเด็ดเสี้ยนแผ่นดินให้สิ้นซากมวลวิกฤตที่จะบังเกิดขึ้น ก็จะยังประโยชน์แก่แผ่นดินไทยแท้จริง
การเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงสะสมคุณภาพจนกระทั่งบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง โดยกลไกฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯหลายภูมิภาคเป็นเรื่องที่กระทำต่อเนื่องกันมาหลายสิบปีแล้วครับ คุณดูได้จากอเมริกากลาง/ใต้ ตะวันออกกลางและอาฟริกา ที่พุ่งเป้ามาที่ไทยก็เพื่อต้องการรัฐบาลที่ยอมตนรับใช้ยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่ฮิลลารี่ประกาศปักหมุดเอเชีย ถ้าคุณดูความเชื่อมโยงจะพบว่าการส่งไอ้ตัวแสบมาเป็นฑูตในไทยและมาเลเซียพร้อมกันหลังจากไอ้สองตัวนี่ก่อความฉิบหายวายป่วงในตะวันออกกลาง นี่น่าสยองเพราะไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนดุลอำนาจได้มากที่สุด หากสหรัฐฯเชื่อมไทยไปมาเลเซียโยงถึงสิงคโปร์ได้ คุณคงเห็นได้เลยว่าสหรัฐฯสามารถคุมการได้เปรียบในภูมิภาคสบายๆครับ
(สหรัฐคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับมนุษยชาติและสันติภาพของโลก | abnewstoday
http://www.abnewstoday.com/5090)
เพรสทีวี – หนึ่งในนักเขียนและนักจัดรายการวิทยุได้กล่าวกับเพรสทีวีว่า ทุกวันนี้สหรัฐกำลังทำสงครามกับมนุษยชาติ จนพวกเขาได้กลายเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดสำหรับมนุษยชาติและความอยู่รอดของมนุษย์