ฉะหยิ่งผยอง!!"หมอเหวง"ชี้คสช.ลำพองใจชัยชนะ ฉะ"บิ๊กตู่"ตามรอย ยุค"ฟาสซิสต์"เผด็จการทหารในอดีต ?!?

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th


วันนี้ (2 ก.ย.) นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. โพสต์เฟซบุ๊ก โจมตี คสช.กำลังหยิ่งผยอง ลำพองใจในชัยชนะจากการลงประชามติอย่างเกินเลย ซึ่งจะนำไปสู่การเผชิญหน้าทางการเมืองอย่างร้ายแรงในอนาคตอันใกล้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่า ประเทศไทยยังไม่พร้อมเรื่องประชาธิปไตย ต้องทำตามยุทธศาตร์ 20 ปี ของ คสช.เสียก่อน ,ไพบูลย์ นิติตะวัน เสนอให้ ยกเลิกการหาเสียง เพราะต้องใช้เงินมาก และ ตกเป็นทาสนายทุน ,เสรี สุวรรณาภานนท์ เสนอให้ยกเลิก กกต.จังหวัด ให้ทหาร และ คสช.มาจัดการการเลือกตั้งแทนกกต. ,วันชัย สอนศิริ เสนอให้ลงโทษคนซื้อเสียงอย่างรุนแรง ตัดสิทธิตลอดชีวิต หัวหน้าพรรคที่ดำเนินการหรือรู้แต่ไม่ห้ามปรามต้องโทษจำคุกสิบปี ปรับ 20 ล้านบาท มีอายุความ 20 ปี
         
ทั้งหมดแสดงให้เห็นความ เหิมเกริม ยิ่งผยองลำพอง อย่างเกินขีดของ คสช. ที่ไม่เพียง ได้คืบเอาศอกเท่านั้น แต่เป็นการเคลื่อนทัพใหญ่รุกโจมตีบดขยี้ทำลายล้างอีกฝ่ายให้สิ้นซาก พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเดินตามรอยของ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่เป็นนายกฯของ คณะรัฐประหาร ปี19 ภายหลังจากที่ทำลาย ขบวนการนักศึกษาประชาชนอย่างเหี้ยมโหด ประกาศใช้เวลา 12 ปี ในการเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวดูถูกประเทศไทยว่ายังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย ต้องใช้เวลาปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ 20 ปี ของคสช.จึงจะพร้อม เช่นเดียวกับ บริวารของคสช.ที่กำลังจะเสนอให้ ถอยหลังประเทศไป สู่การเลือกตั้งในยุคเผด็จการ "จอมพลผิน-จอมพล ป." พ.ศ. 2495 ไม่ให้มีการหาเสียง ไม่ให้มีการชุมนุมทางการเมือง ให้รัฐทหารเป็นผู้ดำแลการเลือกตั้ง และ ยังจะออกกฎหมายเอาโทษผู้ซื้อเสียงรุนแรงขนาดตัดสิทธิตลอดชีวิต และหัวหน้าพรรคต้องโทษ10 ปี ปรับ 20 ล้านบาท มีอายุความ 20 ปี
         
กฎหมายที่มุ่งหวังจะบังคับใช้นี้ ไม่พ้นที่จะเจาะจงใช้กับกลุ่มพรรคพวกที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับพวกเผด็จการคสช.เท่านั้น แต่กลุ่มพรรคพวกที่เป็นสมุนบริวารคสช.จะปลอดพ้นจากการบังคับใช้กฏหมายดังกล่าวโดยสิ้นเชิง ดังเห็นได้จาก พรบ.ประชามติครั้งนี้ เป็นการดึงประเทศไทยให้ถอยหลังกลับไปอยู่ในยุคเผด็จการทหารฟาสซิสต์ สมัยผิน-ป.-เผ่า-สฤษดิ์ อีกคำรบหนึ่ง แต่โลกได้ก้าวพ้นยุคเผด็จการฟาสซิสต์ทหารมาไกลมากเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับไปได้อีกต่อไปแล้ว

ขณะเดียวกัน ประชาชนไทยก็ได้ก้าวเข้ามาสู่ยุคประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงแล้ว การหวังจะดึงให้ถอยไป 64 ปี เพื่อให้อำนาจอยู่ในมือรัฐทหาร รัฐข้าราชการอีกครั้ง ก็ไม่ต่างอะไรกับการปลุกผีไดโนเสาร์ให้กลับฟื้นคืนชีพ ต้องการย้อนยุคไทยให้กลับไปสู่ ยุคจูลาสิกปาร์ก อีกครั้งหนื่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ที่ฝืนวิวัฒนาการของประวัติศาสตร์มักจะจบลงอย่างน่าอัปยศ และก่อให้เกิด การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่ลงเอยด้วยความรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสมอ