ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

     จากการพูดคุยสันติสุขระหว่างไทย และมาราปาตานีที่จบลงด้วยความเห็นชอบในทีโออาร์ ที่เป็นตัวกำหนดกรอบด้านธุรการเบื้องต้นสำหรับการพูดคุยในครั้งต่อไปของทั้ง 2 ฝ่ายด้วยวาจา พร้อมๆ กับที่ไทยได้ยืนยันกับกลุ่มมาราปาตานีในระหว่างการเจรจาว่าจะต้องไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นหากทางมาราปาตานียังต้องการที่จะมีการพูดคุยต่อไป แต่ยังไม่ทันไร ก็เกิดเหตุระเบิดรางรถไฟบริเวณสถานีย่อยบ้านนิคมโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งก็คือวันถัดมาจากการพูดคุยเพียงวันเดียวเท่านั้น แม้คณะผู้เจรจาจะออกมายืนยันว่าการก่อเหตุระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการพูดคุยก็ตามที แต่ก็ยากที่ปฎิเสธความเกี่ยวข้องไปได้

     และที่สำคัญ เหตุระเบิดครั้งนี้ก็ถือเป็นเหตุระเบิดครั้งรุนแรงที่สุดของการก่อเหตุต่อรถไฟจนทำให้ทางการรถไฟต้องประกาศหยุดการเดินรถแบบไม่มีกำหนด ในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ จนอาจเรียกได้ว่าพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ต้องถูกตัดขาดจากพื้นที่อื่นไปโดยปริยาย และที่น่าสนใจก็คือ เมื่อมีการก่อเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้งภายหลังการพูดคุย ทำให้ต้องนึกย้อนไปถึงแถลงการณ์ของคณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ ที่ถือเป็นหนึ่งในหัวข้อการพูดคุยในวงเจรจาเมื่อวันที่ 2 ก.ย.

     คือทางการไทยได้นำเอาแถลงการณ์หรือข้อเรียกร้องดังกล่าวนี้เสนอต่อกลุ่มมาราปาตานีว่าคณะทำงานผู้หญิงชายแดนใต้ ขอให้ทั้งไทยและมาราปาตานีเดินหน้าพูดคุยกันต่อไปแม้จะมีปัญหาและอุปสรรค และขอให้การพูดคุยของทั้ง 2 ฝ่ายได้บรรจุเรื่องการสร้างพื้นที่สาธารณะให้ปลอดภัย หรือ เซฟตี้โซน ไว้เป็นหนึ่งในหัวข้อการพูดคุยในครั้งต่อไปกับการเจรจาสันติสุข เ

 

     พราะถือว่าพื้นที่เหล่านี้ประชาชนจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันนั่นก็คือให้กำหนดให้พื้นที่ดังต่อไปนี้ประกอบด้วย ตลาด ถนน โรงเรียน ศาสนสถาน คือมัสยิด วัด หรือโบสถ์ เป็นพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งกลุ่มมาราปาตานีได้รับข้อเสนอทั้งหมดนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว และจากนี้อาจมีการตอบผ่านเอกสารมายังฝ่ายไทย หรืออาจนำหัวข้อนี้ไปหารือกันเป็นหัวข้อหลักในการพูดคุยครั้งต่อไป แต่ยังไม่มีกำหนดออกมาว่าการพูดคุยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อใด