- 18 ก.ย. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
เงียบหายไปนานภายหลังกระบวนการจัดทำประชามติร่างรธน.ผ่านพ้นไป พร้อม ๆ การแจ้งข้อหากล่าวหาต่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยดีเอสไอเกี่ยวกับการครอบครองรถเบนซ์ ทำให้รัฐบาลยืนยันหนักแน่นจะไม่มีการทูลเกล้ารายชื่อพระสังฆราชองค์ใหม่ จนกว่าคดีจะมีความชัดเจนและผู้สมควรเสนอชื่อพ้นมลทินข้อกล่าวหา
ล่าสุดพระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้ใช้เวทีวันมหาสังฆประชาปิติ ปีที่ 14 ที่วัดราชาธิวาสวิหารจัดขึ้น พูดถึงวิกฤติพุทธศาสนาในไทยอีกครั้ง ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. ไม่ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการพิทักษ์ปกป้องกิจการพระพุทธศาสนา 2.ไม่บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ 3.ละเลยในการนำรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
“การปกป้องพระพุทธศาสนาต้องทำต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรัฐบาลปัจจุบันที่รัฐมนตรีพูดจาบจ้วงคณะสงฆ์อย่างไม่เคยมีมาก่อน หน่วยงานของรัฐบางหน่วยงานก็เข้าหาพระสงฆ์ด้วยกิริยาที่ก้าวร้าว ทั้งที่ตั้งแต่มีรัฐบาลชุดปัจจุบัน คณะสงฆ์ไม่เคยต่อต้าน เพราะเห็นเป็นเรื่องของบ้านเมือง”
ทั้งนี้ พระเมธีธรรมาจารย์ อ้างว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้พระพุทธศาสนามีวิกฤติมาจากผลที่เกิดขึ้นกับกรณีที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการพิทักษ์ปกป้องกิจการพระพุทธศาสนา แต่เมื่อเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ผู้ที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการเรื่องนี้ ก็ตั้งพรรคการเมืองทั้งบอกด้วยว่าจะนำเรื่องปฏิรูปกิจการคณะสงฆ์กลับมาทำอีก
ขณะเดียวกันรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องในการจัดทำร่างรธน.ก็ไม่บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญมีการการละเลยในการนำรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทั้ง 3 เหตุผลหลักแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์วิกฤติของพระพุทธศาสนาในไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงอยากให้พุทธศาสนิกชนออกมาร่วมปกป้องพระพุทธศาสนาด้วย