- 19 พ.ย. 2559
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
แม้วันนี้ในหลวงไม่ทรงอยู่กับประชาชนคนไทยแล้ว แต่คุณงามความดีของพระองค์จะยังจดจารในหัวใจชาวไทยไปอีกนานเท่านาน...หนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้ในหลวงทรงเป็นพระราชาผู้ทรงปรีชาในแทบทุกด้าน เป็นปราชญ์ในศาสตร์หลายแขนง และเป็นพระราชาผู้ทรงธรรม รักประชาชนดั่งลูกดังที่เราได้ประจักษ์ สมเด็จพระบรมราชชนนีหรือพระมารดาของพระองค์ล้วนมีส่วนสำคัญยิ่งนัก เพราะด้วยเหตุการณ์บ้านเมืองในห้วงเวลานั้นที่เราทราบกันดีว่าไม่ปกติ ประกอบกับที่ทรงเพิ่งสูญเสียสมเด็จพระบรมราชชนกผู้เป็นพระสวามีและพระบิดาของลูกๆ จึงต้องทรงเป็นต้องพระมารดาและพระบิดาในเวลาเดียวกัน และนี่คือ 7 วิธีการเลี้ยงลูกของสมเด็จย่า ที่ทรงคุณค่าและควรนำมาเป็นแบบอย่าง
คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา อดีตข้าหลวงในพระองค์ ได้ให้เกียรติร่วมแบ่งปันคำสอนของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย ถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกของพระองค์หลักๆ 7 ประการ ที่เต็มไปด้วยความปราดเปรื่อง หลักแหลม และมีเป้าหมายที่ชัดเจน จนสมควรใช้เป็นแบบอย่างเป็นอย่างยิ่งว่า
1. ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น
สมเด็จย่าทรงเริ่มจากการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก โดยทรงทำเป็นตนต้นแบบในเรื่องของการมีวินัย การรักการค้นคว้าศึกษาหาความรู้ การประพฤติตัวที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ทั้งหมดนี้คือการตั้งตนเป็นแบบอย่างแก่ลูก เพราะเด็กเล็กจะมีพฤติกรรมเลียบแบบจากคนใกล้ชิด เพราะฉะนั้นคนเป็นพ่อแม่ต้องลองตั้งคำถามกลับมาที่ตัวเองว่า ทุกวันนี้ที่เราอยากให้ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้ แล้วเราล่ะ เป็นแล้วหรือยัง
2. ตั้งเป้าหมายในการเลี้ยงลูก
สมเด็จย่าทรงเป็นพระมารดาที่มีเป้าหมายในการเลี้ยงลูกชัดเจน ทรงตั้งใจพัฒนาและอบรมลูกๆ ให้ดีในทุกๆ ด้านเพื่อให้เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมือง ทรงไม่คิดถึงประโยชน์ของพระองค์เอง หรือของพระโอรส หรือ พระธิดาเป็นหลัก แต่ทรงมองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ในปัจจุบันหลายครั้งที่เราเห็นพ่อแม่ส่งลูกเรียนพิเศษในทุกวิชาโดยที่ไม่ได้ถามลูกว่าอยากเรียนอะไร หรือ พ่อแม่ที่คาดหวังเรื่องผลการเรียนสูงๆ เหล่านั้นคือ การตั้งเป้าหมายกับลูกโดยเอาความคาดหวังของตัวเองไปให้แก่ลูก เราจึงต้องมองย้อนกลับมาดูใหม่ว่า เป้าหมายที่เราตั้งไว้ หรือ ความคาดหวังนั้น เป็นไปเพื่อใคร เพื่อลูก เพื่อตนเอง หรือเพื่อคนอื่นๆ ด้วย
3. จัดแบบแผนและสร้างระเบียบวินัยตั้งแต่ลูกยังเล็ก
สมเด็จย่าทรงวางแผนการดำเนินชีวิตให้แก่พระโอรส พระธิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เนื่องจากต้องทรงเป็นทั้ง “พ่อ” และ “แม่” ในเวลาเดียวกัน ทรงจัดการทุกอย่างเป็นเวลา โดยมีผู้ช่วยคือพระพี่เลี้ยงเพียงหนึ่งคนเท่านั้น เนื่องจากในเวลาที่เด็กยังเล็ก เขาไม่มีความรู้เรื่องขอบเขตของเวลา พ่อแม่จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องจัดเวลาให้แก่พวกเขา เช่น นอน กิน เล่น ไปโรงเรียน อาบน้ำ ออกกำลังกาย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะสร้างวินัยให้แก่ลูก ซึ่งสมเด็จย่าทรงเน้นเรื่องวินัยในการดำเนินชีวิต พระองค์รับสั่งถึงคำว่าระเบียบวินัยอย่างมีหลักการ คือการกำหนดขอบเขตของเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความสมดุลให้แก่ชีวิต ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโตของเด็กๆ ต่อไป
4. เล่นอย่างถูกวิธี
เมื่อถึงเวลาเล่น จะปล่อยให้พระโอรสและพระธิดาเล่นอย่างอิสระ โดยจะทรงให้เล่นกับธรรมชาติ ต้นไม้ น้ำ ทรงเน้นให้เล่นกับสิ่งที่มีในธรรมชาติ มากกว่าของเล่น ทรงอนุญาตให้พระโอรสเล่นจุดไฟ แต่จะทรงบอกวิธีในการเล่นที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย ผลจากการเล่นที่พระโอรส พระธิดา ได้ทรงเล่นคลุกดินคลุกทราย หรือ ได้ทำการทดลองกับธรรมชาติเหล่านี้ ส่งผลให้ทั้งสามพระองค์ ได้พัฒนาความคิดและความสามารถ โดยไม่ทรงรู้ตัว ตัวอย่างเช่นพระบาทสมเด็จพระเจาอยู่หัวทรงสร้างหลุมที่เกิดจากการปลูกต้นไม้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทดลองขุดดิน ใส่น้ำ ปลูกต้นไม้ จนสามารถสร้างแอ่งน้ำ ได้ด้วยพระองค์เอง ซึ่งนับเป็นรากฐานที่ดีงามที่ทรงนำมาใช้พัฒนาประเทศชาติจนถึงทุกวันนี้ การเล่นอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะการเล่นกับธรรมชาติ จึงมีความสำคัญ ซึ่งเด็กๆ ชาวเมืองยุคใหม่อาจจะขาดหายไป
5. ประหยัดอดออมไม่ฟุ่มเฟือย
สมเด็จย่าทรงสอนพระโอรส พระธิดาให้รู้จักใช้เงิน ของขวัญที่ทั้งสามพระองค์จะได้มีวันเดียว คือ วันคล้ายวันประสูติ ถ้าพระองค์ใดอยากได้สิ่งใดนอกจากนั้น ต้องทรงเก็บเงินเพื่อซื้อ หรือ ทรงได้รับอนุญาตให้หุ้นกันเพื่อซื้อมาได้ หรือจะทรงซื้อให้ก็ต่อเมื่อ ต้องใช้ประโยชน์ เช่น แผ่นเสียง ถ้าเป็นเพลงโปรดของแต่ละพระองค์ จะทรงให้เก็บสตางค์ซื้อเอง แต่ถ้าเป็นเพื่อการศึกษา เช่น เพลงคลาสสิค จะทรงซื้อให้
6. เรียนไปพร้อมๆ กับลูก
สมเด็จย่าจะไม่เคยเน้นเรื่องคะแนนของพระโอรส และ พระธิดา แต่ทรงช่วยในทุกขั้นตอนของการเรียน ไม่ว่าจะช่วยทำการบ้าน ช่วยศึกษาค้นคว้า จะทรงใช้วิธีทำให้ลูกดู เพื่อให้ลูกได้ทำตาม เช่น ถ้าไม่ทรงทราบเรื่องไหน จะต้องไปค้นคว้าจาก Encyclopedia ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ต้องทรงท่องกลอนเป็นภาษาเยอรมัน แต่ไม่ทรงโปรดที่จะท่อง สมเด็จย่าทรงไม่เคยเรียนภาษาเยอรมันมาก่อน ได้เสด็จไปหาคุณครูเพื่อเรียนท่องคำกลอนนั้นจนคล่อง และนำมาท่องให้พระโอรสฟัง ทำให้พระโอรสรู้สึกประหลาดใจและเป็นแรงบันดาลใจให้ทรงหันมาเริ่มท่องกลอนนั้นการสอนของสมเด็จย่าจึงเน้นที่กระบวนการ หรือ วิธีการมากกว่าคำตอบ ทำให้พระองค์ รวมถึงพระโอรส พระธิดาทั้งสาม เป็นผู้ที่ทรงรู้อะไร รู้ลึก และ รู้จริง ในทุกๆ เรื่องที่ทรงค้นคว้า
7. เน้นการพัฒนา EQ มากกว่า IQ
ทรงสอนให้พระโอรสพระธิดารู้จักความรับผิดชอบ นั่นคือมาตรฐานในการใช้ชีวิต ที่ทรงอบรมเวลาพระโอรส พระธิดา ทรงทำผิด จะทรงเรียกมาอธิบายเหตุผล ให้เข้าใจเสียก่อน ทรงเน้นในเรื่องการทำตัวเป็นคนดี ซื่อสัตย์ มีระเบียบวินัย และ แข็งแรง โดยทักษะเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานในการเผชิญกับโลกเมื่อลูกโตขึ้น ทรงมีหลักในการพัฒนาพระโอรส พระธิดา เช่นต้องมีจริยธรรม ซื่อตรง ที่สำคัญคือการเน้นเรื่องการพัฒนาจุดแข็ง โดยทรงตรัสไว้ว่า ในโลกนี้ ไม่มีใครดี 100% ต้องหาจุดอ่อน และ จุดแข็งของให้เจอเพื่อพัฒนาในส่วนนั้นได้ตรงจุด นอกจากนี้ ยังทรงเน้นในอีกหลายเรื่องเช่น ต้องเสวยให้หมดจาน ห้ามทิ้งอาหาร หรือ ช่วยให้ลูกได้ช่วยเหลือตัวเองได้ คำสอนของพระองค์ทรงเป็น Practical Wisdom คือ ทำตามได้อย่างง่ายดายเหล่านี้ อาจเป็นสิ่งเล็กๆ ที่หลายๆ คนลืมไป เพราะมัวไปโฟกัสแต่สิ่งอื่นๆ ในชีวิต
วิธีการเลี้ยงลูกของสมเด็จย่าเป็นวิธีที่พ่อแม่ทุกคนสามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างง่ายดายและแน่นอนว่ามีประสิทธิภาพ โดยสามารถดูได้จากพระโอรส พระธิดาทั้งสามพระองค์ ที่เติบโตมาเป็นบุคคลทรงคุณภาพของประเทศชาติที่สุดทั้งสามพระองค์ เท่าที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยเคยมีมา
เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์
ขอบคุณข้อมูล : ทรูปลูกปัญญา