- 03 ธ.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
ถือเป็นสื่อต่างชาติที่อ้างความเป็นไทยเข้าไปเกี่ยวโยงให้เกิดความรู้สึกร่วม แต่โดยข้อเท็จจริงโดยพฤติการณ์ของ BBC ไทย ยังคงมีคำถามมากมายว่าเป็นสื่อที่มีแนวทางเพื่อสร้างสรรค์หรือทำลายประเทศไทยกันแน่ ???
หลายคนคงไม่ลืมว่าโดยความเป็นจริง BBC ภาคภาษาไทย เคยประสบปัญหาทางธุรกิจจากทิศทางการเสพข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงไป จนต้องปิดตัวไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2549 รวมระยะเวลาการดำเนินการมาก่อนหน้ายาวนานกว่า 60 ปี
จนกระทั่งวันที่ 10 ก.ค 2557 หรือภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงไม่กี่วัน BBC ไทย ก็กลับมาเปิดตัวอีกครั้ง และเริ่มนำเสนอข่าวสารอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 ก.ค. 2557 โดยเปลี่ยนรูปแบบจากสื่อวิทยุเป็นสื่อโซเชียลเต็มรูปแบบ โดยมีคนไทยจำนวนหนึ่งร่วมเป็นทีมงานเหมือนในยุคอดีต
อย่างไรก็ตามการรีเทิร์นของ BBC ไทยครั้งนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเป็นการฟื้นคืนชีพในยุคประเทศไทย และ คสช. กำลังถูกชาติตะวันตกหยิบยกเรื่องประชาธิปไตยมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตี และกดดันในทุกรูปแบบผ่านองค์กรทางการค้า รวมถึงตัวแทนการทูตประเทศ โดยเฉพาะอียู สหรัฐ โดยมีล็อบบี้ยิสต์ที่มีนักการเมืองในระบอบทักษิณอยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนทางการเงิน เป็นหนึ่งแรงขับเคลื่อนกลไกดิสเครดิตคสช.ด้วยข้อกล่าวหาต่าง ๆ ทั้งที่คนไทยทั้งประเทศรู้ซึ้งถึงความเป็นที่คสช.ต้องเข้ามายึดอำนาจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สอดคล้องกับข้ออ้างของ ลิเลียน แลนเดอร์ ผู้บริหารบรรษัทกระจายเสียงแห่งอังกฤษ หรือ BBC แผนกภาษาของภาคบริการโลก ซึ่งระบุว่า หลักการพื้นฐานประการหนึ่งของบีบีซี คือการนำเสนอข่าวสารที่เป็นกลางและถูกต้องให้แก่ประเทศต่างๆ ในเวลาที่ประเทศเหล่านั้นขาดข่าวสารลักษณะดังกล่าว และบีบีซีเห็นว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะทดลองการให้บริหารข่าวสารครั้งใหม่ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษในรูปแบบดิจิตัลเพื่อรายงานข่าวและข้อมูลที่เชื่อถือได้ไปยังประชาชนในประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าเป็นเวลาถึง 8 ปี BBC กลับมองไม่เห็นในประเด็นปัญหานี้มาก่อน ???
สำคัญสุด ก็คือการที่ ฮิวโก สไวร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ในฐานะผู้แลภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกมาสำทับว่าข่าวภาคภาษาไทยถือเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม เพราะจะมีส่วนช่วยในการสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกตามแนวทางประชาธิปไตยที่ประสบความสำเร็จ เพราะยิ่งตอกย้ำให้เกิดข้อคำถามว่า BBC ฟื้นชีพอีกครั้งเพราะเหตุผลทางการเมืองประเทศไทยหรือไม่ ???
แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตามการรีเทิร์นสู่สงครามข่าวสารของ BBC ไทย แม้ไม่อาจบ่งชี้ชัดได้ว่ามีเจตนาดีหรือประสงค์เช่นใดต่อประเทศไทย หากในการนำเสนอข่าวของ BBC ไทยหลายครั้งได้ทำให้เกิดข้อกังขาอย่างหลีกเลี่ยงใม่ได้ เพราะหลายประเด็นร้อนถูกนำแพร่กระจายต่อในกลุ่มสื่อที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลคสช. จนดูเหมือนว่า BBC ไทย มีลักษณะทิศทางการทำงานไปในแนวทางเดียวกับระบอบทักษิณ โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลในเชิงดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. หรือ บางประเด็นมีความล่อแหลมยิ่งต่อการคุกคาม จาบจ้วง ล่วงละเมิด สถาบันหลักของประเทศ ด้วยซ้ำไป ???
ตัวอย่างหนึ่งที่มีหลักฐานชัดเจน ก็คือ บทความในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2558 ซึ่ง BBC ไทย เปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์ว่า การคัดเลือกผู้นำประเทศไทยให้เป็นประธานกลุ่มจี 77 ไม่ได้เป็นผลงานของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน แต่เป็นผลงานของข้าราชการและนักการเมืองในยุคอดีต ส่วนรางวัลจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศและมีพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลขึ้นรับรางวัล ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากผลงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เพราะช่วงเวลา 1 ปีการทำงานไม่มีความโดดเด่นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องโทรคมนาคม ทั้ง ๆ ที่พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่เคยอวดอ้างความสำเร็จดังกล่าวมาจากรัฐบาลตนเอง แต่กลับยกย่องว่าเป็นความสำเร็นที่น่าชื่นชมของคนไทยทั้งประเทศ
หนักเข้ากว่านั้น BBC ไทย กล่าวหาว่ามีความพยายามของเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย ในการสร้างภาพให้กับพล.อ.ประยุทธ์ในเวทีโลก ว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ได้แสดงความรังเกียจเดียดฉันท์พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นผู้นำการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้ง โดยการบิดเบือนว่ามีการจัดการให้พล.อ.ประยุทธ์ได้มีโอกาสสัมผัสมือกับประธานาธิบดี บารัค โอบามาของสหรัฐ ด้วยการเจรจาต่อรองให้ผู้นำสหรัฐเดินมาทักทายและสัมผัสมือพล.อ.ประยุทธ์ บนเงื่อนไขที่จะไม่มีการเผยแพร่เรื่องนี้อย่างเป็นทางการ จึงปรากฏเฉพาะแต่ภาพจากเจ้าหน้าที่ติดตามซึ่งถ่ายจากโทรศัพท์มือถือเผยแพร่ในโซเซียลมีเดียเท่านั้น
ไม่จบเท่านั้น BBC ไทยยังปรามาส พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ได้พบปะหารือแบบทวิภาคีกับผู้นำจากประเทศมหาอำนาจ อย่าง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ก็เพราะเป็นบุคคลที่มีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว และพล.อ.ประยุทธ์เลือกให้ความสำคัญกับการพบปะผู้นำประเทศที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศไทย เช่นประเทศในหมู่เกาะในแปซิฟิกใต้ แคริบเบียนและแอฟริกา เพื่อขอความสนับสนุนในการรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ส่งท้าย BBC ไทย เลือกแสดงความรับผิดชอบบทความข่าวชิ้นนี้ที่มีเจตนาชัดเจนว่ามีเป้าหมายมุ่งทำลายศักดิ์ศรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ในฐานะตัวแทนประเทศไทยไปร่วมประชุมกับผู้นำนานาชาติในเวทีโลก ด้วยข้อความเพียงว่า ...
“ หมายเหตุ: บทวิเคราะห์ชิ้นนี้เขียนโดยผู้ที่ติดตามการประชุมอย่างใกล้ชิด ทราบธรรมเนียมการประชุม ทีมงานเห็นว่าบทความนี้ให้ข้อมูลที่มีคุณค่าควรแก่การนำมาเสนอแก่ผู้อ่าน เพื่อให้เป็นอีกด้านหนึ่งของข้อมูลข่าวสารที่สาธารณะพึงได้รับรู้ประกอบการพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้อง แต่ที่เราไม่เปิดเผยชื่อเพราะผู้เขียนไม่ต้องการเปิดเผย และทีมงานเคารพการตัดสินใจรวมทั้งเห็นด้วยว่าหากเปิดเผยชื่อผู้เขียนมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบสูง เราทราบว่าการไม่ใช้ชื่อผู้เขียนเป็นเรื่องเสี่ยงต่อข้อครหา อาจลดความน่าเชื่อถือของรายงาน แต่ในอาชีพสื่อมีบ้างบางครั้งที่ต้องปิดชื่อผู้ให้ข้อมูล”
ไม่มีที่มาที่ไปไม่มีการยืนยันความถูกต้อง มีแต่ข้อกล่าวอ้างจากสื่อระดับสากลที่ช่วงหนึ่งเคยได้รับความเชื่อถือในระดับโลก ขณะที่บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ของ BBC ไทย กลับยอมรับเองว่าเป็นเสมือนใบปลิวหรือบัตรสนเท่ห์ที่ถูกกำหนดบทบาทให้ทำหน้าที่โจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทุกมิติเท่าที่จะทำได้ตามใบสั่งทางการเมืองใช่หรือไม่ ???
เพราะขนาด “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์-การเมือง อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบุคคลที่ถูกรัฐบาลออกหมายจับเนื่องจากหลบนีคำสั่ง คสช. ยัง แสดงความเห็นในแฟนเพจบีบีซีไทย ถึงข้อกังขาต่อบทวิเคราะห์ชิ้นนี้
“อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาเรื่องให้ “โอบาม่า” จับมือกับ “บิ๊กตู่” แต่ประเด็นคือ “คนเขียน” รู้ได้อย่างไร เพราะปกติเรื่องนี้ต้องทำระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐไทยกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเงื่อนไขนี้ตั้งอยู่ว่า ห้ามเผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่ทำไมจึงให้เจ้าหน้าที่ติดตาม พล.อ.ประยุทธ์ ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือและแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค “ข้อความนี้ทั้งหมดมันไม่เม้กเซ้นซ์ (Make Sense) และฟังดูชอบกลจริง ๆ”
ต่อมา พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงกรณี “บีบีซีไทย” และเว็บไซต์มติชนออนไลน์ ซึ่งนำข้อมูลมาจากบีบีซีไทยมานำเสนอในประเด็นดังกล่าวว่า เป็นการบิดเบือนข่าวสารอย่างรุนแรง เพราะข้อเท็จจริงคือก่อนเข้าประชุมมีการถ่ายรูปโดยช่างภาพมืออาชีพ ส่วนผู้นำหลายประเทศที่มีผู้ติดตามเข้าร่วมประชุมด้วย ได้ยืนรอเพื่อถ่ายภาพ ในระหว่างนั้นผู้นำแต่ละประเทศทักทายพูดคุย โดยผู้ติดตามได้ถ่ายรูปไว้ ไม่ใช่การแอบถ่าย และไม่ได้มีปัญหากัน เพราะไม่ได้มีการห้ามถ่ายรูป
“ระหว่างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยืนอยู่ด้านข้างของห้อง นายโอบามายืนอยู่กลางห้อง เมื่อนายโอบามาเห็น พล.อ.ประยุทธ์ยืนอยู่ จึงเดินเข้ามาทักทายก่อน และขอบคุณที่มาเข้าร่วมประชุมในการรักษาสันติภาพ โดยใช้เวลาไม่นาน จากนั้นนายบารัคได้ทักทายผู้นำประเทศอื่น ๆ และผู้ติดตามก็ได้มีการถ่ายรูปเช่นกัน”
จากคำชี้แจงดังกล่าวทำให้เว็บไซต์มติชนออนไลน์ เลือกขึ้นข้อความข่าวชี้แจงขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในวันที่ 4 ต.ค. 2558 !!!
ไม่เท่านั้นในวันที่ 6 ต.ค. 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงประเด็นดังกล่าวซ้ำอีกครั้งว่า เหตุการณ์วันนั้นตนยืนอยู่แล้วผู้นำสหรัฐฯ ก็เข้ามาจับมือ ตนในฐานะผู้นำประเทศก็จับมือตอบ ไม่จำเป็นที่ตนต้องไปขอเขาจับมือเขาอย่างที่ BBC ไทยกล่าวอ้าง และไม่มีเหตุผลใดด้วยที่เขาจะไม่จับมือตน ขณะเดียวกันรูปที่ถ่ายร่วมกันกับผู้นำสหรัฐมีถึง 4 คน แต่ทำไมบีบีซีถึงไม่นำเสนอ ไม่พูดถึง ??
“เป็นสื่อควรจะมองในภาพรวมว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง งบประมาณใช้กันอย่างไร อย่าดีแต่พาดพิงโจมตี ถ้าสื่อไม่เรียนรู้ตรงนี้ และจะเขียนข่าวแบบนี้ ก็จะทำให้ประชาชนไม่รับข้อมูลที่เป็นจริง หรือสื่ออยากให้ประชาชนโง่ โง่แบบคิดไม่เป็น ถึงได้เสนอข่าวแบบนี้ไป วันนี้ตนทำให้เขาฉลาด ซึ่งความจริงเขาก็ฉลาดอยู่แล้ว แต่ถูกปิดตาด้วยความยากจนที่มีสื่อพยายามจะให้เป็นเพื่อจะได้แสวงหาผลประโยชน์จากคนไทย”
ขณะที่ผลพวงจากกรณีดังกล่าวทำให้คนในโลกออนไลน์ในไทยไม่พอใจ พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการทำงานกองบรรณาธิการของบีบีซีไทย ไปยังสำนักงานใหญ่ของบีบีซี ผ่านช่องทางเว็บไซต์ http://www.bbc.co.uk/complaints/complain-online/ เนื่องจากมีการนำเสนอข่าว และบทความที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานตามหลักวิชาชีพสื่อมวลชน
แต่ดูเหมือนเสียงสะท้อนต่าง ๆ ไม่สามารถกระตุกต่อมความรู้สึกเรื่องจรรยาบรรณให้กับสื่ออย่าง BBC ไทย ได้เลย ในขณะที่กรณีการบิดเบือนโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ที่ผ่านมานานกว่า 1 ปีแล้ว หาก BBC ไทยกลับไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ แต่เลือกจะยึดเอาหลักฐานเลื่อนลอยเป็นที่ตั้งในการแสดงบทบาทหน้าที่สื่อมวลชนมาจนถึงทุกวันนี้ วันที่กำลังทำให้เห็นอีกครั้งว่า BBC ไทย ไม่เหมาะควรจะได้รับการเผยแพร่อีกต่อไปในแผ่นดินไทย เพราะการใช้ความเป็นสื่อมวลชน ก้าวล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงอย่างขาดความยั้งคิดอย่างขาดความยั้งคิด ในสิ่งที่ถูกที่ควรและพึงมีต่อจรรยาบรรณวิชาชีพ ที่มีคำว่า "ไทย" ต่อท้าย !!! !!!
เรียบเรียงข่าว : ชัชรินทร์ สำนักข่าวทีนิวส์
อ่านต่อเนื่อง
ทีนิวส์ ลากไส้ บีบีซีไทย ตอน เน่าทั้งขด!! ย้อนเรื่องฉาว BBC แม่ ถูกตรวจสอบ โคตรลำเอียง เขียนข่าวเลือกข้างตามใบสั่ง
http://headshot.tnews.co.th/contents/215493/
ทีนิวส์แฉสิ้นไส้ "บีบีซีไทย" สื่อชั้นเลว !!! ทำข่าวด้วยอคติ บิดเบือนเป็นปกติ ตอน : อวยพวกล้มเจ้า สัมภาษณ์ “อั้ม เนโกะ”ในช่วงเวลาความอาลัย