เหี้ยมอย่างนี้มีปม!!! รุมฆ่าโหดบัณฑิตหนุ่มมศว.แทงหลังปาดคอเลือดสาดดับสลดทิ้งศพกลางถนน พบข้อสังเกตคนตายหน้าตาดีกำลังเรียนต่อการบิน

     ร.ต.อ.วิทยา คงทอง รอง สว.(สอบสวน) สน.โคกคราม ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต บริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

 

 

 

         
      

 

     ที่เกิดเหตุบนพื้นผิวการจราจรช่องทางซ้าย เยื้องกับหน้าบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน พบศพนายวศิน เหลืองแจ่ม อายุ 26 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ด้านหลัง 1 แผล ส่วนที่ลำคอมีบาดแผลถูกของมีคมปาดจนหลอดลมขาด สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าแตะสีดำ ที่ข้อมือซ้ายสวมนาฬิกายี่ห้อไซโก้ จากการตรวจค้นในตัวผู้ตาย พบเงินสดในกระเป๋าสตางค์ 1,000 บาท และซองบุหรี่ 1 ซอง ใกล้กันพบหมวกกันน็อคแบบเต็มใบสีดำของคนร้ายทำตกไว้ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

 

 

 

 

 

    ทั้งนี้พยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 22.10 น. ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน จึงได้เดินออกมาดูก็เห็นคนร้ายเป็นชาย 2 คน กำลังโต้เถียงอยู่กับผู้ตาย จากนั้นคนร้ายรูปร่างท้วมผิวดำแดง ได้ล็อคคอผู้ตายจากด้านหลัง พร้อมใช้อาวุธแทงผู้ตายจนล้มลง ก่อนจะวิ่งไปขึ้น รถจยย.ของคนร้ายอีกคนที่จอดติดเครื่องอยู่ แล้วขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม

 

 

 

     จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปกดเงินหน้าเซเว่น อีเลฟเว่น หน้าปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 38 ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร พร้อมกับเดินเข้าไปซื้อบุหรี่ภายในร้านดังกล่าว และเมื่อออกมาแล้วจึงข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ได้มีคนร้ายขับรถจยย.แบบผู้หญิง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เข้ามาหาผู้ตาย ก่อนที่คนร้ายจะลงมือทำร้ายผู้ตายจนเสียชีวิต โดยผู้ตายนั้นเป็นหนุ่มหน้าตาดี พึ่งเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว.) และกำลังอยู่ในระหว่างไปเรียนต่อเกี่ยวกับการบิน เนื่องจากมีความชื่นชอบ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ตายยังใช้รถยนต์โตโยต้า ยี่ห้อยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน กช 5483 กทม. ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุก็ไม่พบรถยนต์และกุญแจรถคันดังกล่าวแต่อย่างใด

 

 

 

 

 

     อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป ทั้งในเรื่องชิงทรัพย์และเรื่องส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สั่งการได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด และบริเวณโดยรอบแล้ว เพื่อใช้เป็นเบสะแสติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

 

 

 

 

 

 

เรียบเรียง : นิตติยา  สำนักข่าวทีนิวส์