- 04 มี.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://www.tnews.co.th
สืบเนื่องจากการที่พล.ท.วิจักษณ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้ ว่า พล.ต.สุพจน์ บูรณจารี ผู้บัญชาการกองกำลังมณฑลทหารบกที่ 36 พร้อมด้วย พ.อ.ถนัดพล โกศัยเสวี รองผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 สนธิกำลังกับหลายหน่วยงานนำกำลังทหารกว่า200นายพร้อมอาวุธครบมือและสุนัขสงคราม รวมถึง ปปส.ภาค6 และ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ปลัดจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกันเข้าทำการปิดล้อมสนามกีฬาจังหวัดพิจิตร ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร หลังจากได้รับการร้องเรียนรวมถึงมีหลักฐานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ว่า มีการใช้สถานที่ราชการที่บริเวณอาคารเพลสเซ็นเตอร์เป็นคลับเฮ้าส์ส่วนตัวที่ใช้มั่วสุมของกลุ่มนักเลงหัวไม้และผู้เสพ ผู้ค้ายาเสพติด รวมถึงใช้สถานที่ราชการเป็นที่ดื่มสุรา และเป็นที่หลับนอนของชายหญิง
ล่าสุดมีรายงานว่าผลการตรวจสอบเบื้องต้น โดยการใช้สุนัขดมกลิ่นเข้าดมกลิ่นเพื่อหายาเสพติดตามที่มีผู้ร้องเรียน รวมถึงใช้เครื่อง Iron Scan ซึ่งเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ตรวจค้นหาคราบเขม่าดินปืนหรือวัตถุระเบิด รวมถึงสิ่งที่เป็นสารเสพติด ปรากฏว่าเครื่องได้แสดงผล ว่า ในบริเวณอาคารเพลสเซ็นเตอร์ มีสารหรือสิ่งแปลกปลอมที่ผิดปกติ แต่เป็นเพียงสัญญาณที่บ่งชี้เท่านั้น ส่วนการตรวจค้นไม่พบยาเสพติดหรือวัตถุระเบิดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ทหารได้ตรวจยึดฮาร์ดดิสก์ของเครื่องบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งภายในสนามกีฬาจังหวัดพิจิตรเพื่อไปค้นหาภาพย้อนหลัง 6 เดือน เพื่อเชื่อมโยงผู้ที่อาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและผู้มีอิทธิพลกลุ่มต่างๆ ตามที่มีผู้ร้องเรียนจนเป็นเหตุของการเข้าปฏิบัติการโดยใช้ ม.44 ตรวจค้นในครั้งนี้ ส่วนพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ภายในสนามกีฬาจังหวัดพิจิตรก็ได้ถูกจับตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด แต่ผลการตรวจยังไม่ได้รับการเปิดเผย
ขณะที่ในส่วนของระดับผู้บริหารหรือนักการเมืองท้องถิ่นรวมถึงผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆที่ฝ่ายทหารมีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็มีรายงานว่า ทหารชุดเฉพาะกิจนี้ได้แบ่งกำลังไปตรวจค้นในจุดอื่นๆอีก 5 แห่ง รวมถึงจะเชิญตัวให้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการตรวจสารเสพติดในร่างกาย แต่ผลความคืบหน้ายังไม่มีการรายงานออกมาอย่างชัดเจน ว่า พบสิ่งปิดปกติหรือไม่ แต่ประชาชนต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าจากการที่ทหารกว่า 200 นายเข้าตรวจค้นในสนามกีฬาพิจิตรครั้งนี้อาจจะไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายเนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้ง สตง. สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 และผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งก็ได้เข้าไปตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่งน่าจะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายไหวตัวเก็บของหลบหนีหรือหลบซ่อนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทำให้เกิดเป็นข้อสังเกตุว่าเหตุการณ์ดังกล่าว มีจุดรั่วไหลทางการข่าวหรือไม่ โดยเฉพาะกับข้อเท็จจริงว่าก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน ได้มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักการเมืองท้องถิ่น และ ประชาชนชาวพิจิตร จำนวนประมาณ 1,000 คน เดินทางไปให้กำลังใจ นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร กรณีถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือสั่งให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ได้จากภาษีประชาชนไปใช้ในการก่อสร้างอาคาร press center และมีการใช้เครื่องเสียงปราศรัยโจมตีสื่อมวลชนแขนงหนึ่ง ว่า ใส่ร้ายป้ายสีรวมถึงตำหนิการทำงานของ สตง. ว่ามารังแกนักการเมืองท้องถิ่นที่ตั้งใจทำงานไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว
โดยก่อนหน้านั้น สตง.เคยมีหนังสือด่วนมาก ที่ ตผ 0053/003 ลงวันที่ 10 ม.ค. 60 ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร แจ้งให้ตรวจสอบการใช้อาคาร Press Center ของนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร ระบุว่า สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 (จังหวัดนครสวรรค์) ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาว่า นายชาติชายประพฤติมิชอบ มีพฤติการณ์ในการนำเงินงบประมาณของแผ่นดินที่ได้มาจากภาษีของประชาชนไปก่อสร้างและต่อเติมอาคารศูนย์บริการสื่อมวลชน แต่กลับนำสถานที่ดังกล่าวไปใช้เป็นคลับเฮาส์ในการพบปะสังสรรค์..
สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 (จังหวัดนครสวรรค์) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วพบว่า Press Center ดังกล่าวติดป้ายว่า ชาติชายเซ็นเตอร์ มีการประดับและตกแต่งสถานที่โดยรอบอาคารเหมือนเป็นบ้าน หรือที่พักผ่อนส่วนบุคคล ภายในห้องปฏิบัติงานมีอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว รวมทั้งมีโซดาผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่จำนวนหนึ่ง
สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 (จังหวัดนครสวรรค์) พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้บริหารท้องถิ่นได้ทำการตกแต่งสถานที่ราชการ และใช้สถานที่ราชการดังกล่าวเหมือนกับสถานที่พักผ่อนส่วนตัว ในลักษณะมิได้เป็นศูนย์บริการสื่อมวลชน จึงมีข้อครหาและข้อร้องเรียนว่าผู้บริหารท้องถิ่นเบียดบังสถานที่ราชการไปใช้ในลักษณะมั่วสุมส่วนตัว เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
จึงเห็นควรให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายทางราชการ หากพบพฤติการณ์ว่ากระทำความผิดตามข้อร้องเรียนให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามระเบียบที่ทางราชการกำหนด
ทั้งนี้ ให้แจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 (จังหวัดนครสวรรค์) ทราบภายใน 30 วัน เพื่อประกอบการตรวจสอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2542 ต่อไป
เรียบเรียง : นิตติยา สำนักข่าวทีนิวส์