ถึงจุกอก..นานๆเจอสงฆ์แท้!!"พระมหาศักย์ศรณ์" โดนดาบตร.เมาตบหัวเล่าเหตุไม่รับบิณฑบาตเงิน500 #อาตมาไม่ใช่พระหากิน ฟังเหตุคดีจบแค่ปรับสุดเอือม??

จากกรณี พระมหาศักย์ศรณ์ ถูกชายคนหนึ่งใช้มือขวาตบท้ายทอยถึง 2 ครั้งและพยายามถอดจีวร หลังขอบริจาคเงินจำนวน 500 บาท แต่พระมหาศักย์ศรณ์ได้เอ่ยปากปฏิเสธว่ามากไป ทำเพียงสักเล็กน้อยก็พอ ทำให้ชายคนดังกล่าวเกิดบันดาลโทสะ บวกด้วยอาการมึนเมาจึงแสดงการตะโกนด่าทอพระมหาศักย์ศรณ์ว่าเป็นพระปลอม พร้อมบอกจะจับสึก ทั้งยังอ้างตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับแจ้งเหตุว่าตนเป็นตำรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่าชายคนดังกล่าวนั้น คือ ด.ต มานพ ไชยเดช สิบเวรสถานีตำรวจน้ำ 2 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ จ.ตรัง

 

 

 

ทั้งนี้ พระมหาศักย์ศรณ์ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สภ.เมืองตรัง แต่ภรรยาและพี่ชายของ ด.ต มานพ เดินทางเพื่อมากล่าวคำขอโทษแทนสิ่งที่ด.ต.มานพ ได้ก่อเหตุลงไป ทำให้พระมหาศักย์ศรณ์ ไม่เอาเรื่อง แต่ขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและให้ด.ต มานพ ไปกราบขอขมาตนและเจ้าอาวาสวัดคลองน้ำเจ็ด และให้สัญญาว่าต่อไปจะไม่เมาสุราและประพฤติอย่างนี้อีก ขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียน เบื้องต้นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปรียบเทียบปรับ ด.ต มานพ เป็นเงิน 1,000 บาท ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งพี่ชายของ ด.ต มานพ รับปากว่าจะพา ด.ต.มานพ ไปขอขมา

 

 

ล่าสุด พระมหาศักย์ศรณ์ คงผล ยังคงเดินบิณฑบาตตามปกติ ถนนวิเศษกุล อ.เมืองตรัง แม้ว่าจะเกิดเหตุถูก ด.ต.มานพ ไชยเดช ปฏิบัติหน้าที่สิบเวรสถานีตำรวจน้ำ 2 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ จ.ตรัง ที่อยู่ในอาการมึนเมาเข้า ล็อคคอและใช้มือขวาตบท้ายทอย เพราะไม่พอใจที่ไม่รับเงิน500บาท และยังพยายามถอดจีวรจนชาวบ้านต้องเข้าไปช่วยห้าม

 

 

 

 

โดย พระมหาศักย์ศรณ์ กล่าวว่า เงิน 500 บาทที่ตำรวจคนนั้นจะตักบาตรนั้นมากเกินไป แล้วคนก่อเหตุก็เมา อาตมาไม่ใช่พระประเภทหาเงิน เป็นพระก็ต้องทำกิจของสงฆ์ ความจริงไม่อยากเป็นข่าว ไม่อยากให้เรื่องบานปลายกับคนก่อเหตุ ก็นึกสงสารเขาลูกเมียเขา ญาติพี่น้องเขากับเรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้จบเรื่องและจะมาขอขมาก็ได้ จะได้ไม่ผูกเวรผูกกรรมกันไป

 

 

 

 

ด้านชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตำรวจที่มาก่อเหตุไม่ใช่อาการของคนเมาค้างแต่เหมือนเพิ่งลุกมาจากวงเหล้า ส่วนพระมหาศักย์ศรณ์เป็นพระมหาเปรียญธรรมสูง กำลังศึกษาระดับปริญญาโท เป็นพระที่คนนับถือมาก

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองตรัง กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นคดีลหุโทษเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้อื่นแต่ไม่ถึงกับเป็นอันตราย และให้จ่ายค่าปรับ 500 บาท แต่ไม่ได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ ด.ต.มานพ เนื่องจากพระสงฆ์เข้ามาแจ้งความในคดีทำร้ายร่างกายและไม่มีเหตุเกี่ยวกับการขับขี่รถยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง.