- 23 เม.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนว่า มีธุรกิจอบรมไกด์เถื่อนและสัมมนาการขายตรงเข้ามาอบรมในพื้นที่กรุงเทพมหานครจำนวนมาก โดยในเบื้องต้นพบว่ามีผู้นำเที่ยวจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีบัตรผู้นำเที่ยวอย่างถูกต้องเข้ามารับการอบรมในครั้งนี้ด้วย โดยตัวแทนเจ้าหน้าที่สัมมนา กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้มุ่งหวังเพียงให้ผู้นำเที่ยว ซึ่งมีทั้งมีบัตรและไม่มีบัตร ได้รู้จักวิธีการขายตรงสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อให้มีรายได้เสริม แต่ไม่ได้สอนให้มีการเป็นผู้นำเที่ยวเถื่อน
ล่าสุด จากการร้องเรียนดังกล่าวนั้นเอง เจ้าหน้าที่กำลังตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจท่องเที่ยว และกรมการท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร จึงได้ทำการบุกเข้าตรวจค้นภายในห้องสัมมนาบอลรูมเอ โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านเหม่งจ๋าย โดยพบว่าในขณะนั้นผู้ประกอบการกำลังอบรมวิธีการขายตรงและการทำหน้าที่ผู้นำเที่ยว หรือไกด์ ให้กับผู้เข้าอบรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงคนไทยที่ถือบัตรประชาชน จากชายขอบภาคเหนือของประเทศไทย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจได้คัดแยกผู้ร่วมสัมมนาออกเป็นกลุ่ม เพื่อตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศ ว่ามาในรูปแบบใด ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ ที่มีบัตรประชาชนก็จะถูกกันมาอีกส่วนหนึ่ง เพื่อตรวจสอบเลข 13 หลัก เนื่องจากส่วนใหญ่ยังพูดภาษาไทยไม่ชัด และตรวจสอบหลักฐานการเข้ามาในประเทศไทย หากพบว่ารายใดอยู่เกิน หรือโอเวอร์สเตย์ ก็จะดำเนินคดี ส่วนหากใครเดินทางมาในฐานะนักท่องเที่ยว แต่กลับมานั่งอบรมสัมมนา ก็ถือว่าเป็นความผิด ส่วนกลุ่มที่ไม่มีพาสปอร์ต ก็จะถูกดำเนินคดี ฐานะหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษกล่าวว่า ได้รับรายงานการอบรมสัมมนาขายตรง ในลักษณะธุรกิจผู้นำเที่ยวเถื่อนมาระยะหนึ่งแล้ว จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ และนำกำลังเข้าบุกจับในครั้งนี้ โดยยืนยันว่าวิธีการดังกล่าวเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว รวมถึงบังคับขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ที่สำคัญสินค้าที่มีการจำหน่ายเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งต้องตรวจสอบดูด้วยว่า นำเข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นหมอนยางพารา ไมโครโฟน ครีมบำรุงผิว หรือแม้แต่ครีมกันแดด