เอาล่ะสิงานงอกแน่!! อธิบดีสั่งล่าไอ้โม่งใช้ชื่่อ DSI ส่งไลน์ขู่แม่เด็กโดนหลอกซื้อของครู ถึงขั้นเหยื่อต้องย้ายบ้านช่องหนี??

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ นำเสนอเรื่องราวของครูท่านหนึ่งหลอกขายของที่ตัวเองขายให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นเงินกว่า 3 แสนบาท ก่อนที่ผู้ปกครองจะทราบ และได้พยายามติดตามทวงเงินดังกล่าวคืน กระทั่งครูรายดังกล่าวได้ชดใช้จนเหลืออีกกว่า 1 แสนบาท โดยตกลงจะนำเงินมาคืนให้ในวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายกลับบ่ายเบี่ยง และมีบุคคลรายหนึ่งซึ่งเป็นญาติของครูสาวอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ส่งไลน์และโทรศัพท์มาข่มขู่ พยายามจะขอเคลียร์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : อย่างนี้ก็ยาวไป!!ญาติเด็กป.4โดนครูหลอกฉกเงินซื้อของเปิดปมเบื้องหลังฉาวมีเบี้ยวชดใช้โม่งแสบโผล่อ้างเป็นDSIข่มขู่เอาผิดกลับเจอชาวเน็ตถล่มยับ! (คลิก)

 

 

ล่าสุด พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวกรณีมีบุคคลอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทำการข่มขู่ผู้ปกครองของเด็ก ป.4 ว่า อยู่ในช่วงให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบว่าบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรายนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดจริงหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยว่าเป็นการเข้าไปดำเนินการส่วนตัวหรือไม่

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ทางด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีมีบุคคลอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทำการข่มขู่ผู้ปกครองของเด็ก ป.4 ว่า ปัจจุบันทราบว่าเสธ.ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนายดังกล่าว ไปเข้ารับการอบรมอยู่ข้างนอก จากข้อมูลที่เราเห็นผ่านทางโซเชียลมีเดีย มันต้องมีการพิสูจน์ว่าตามที่ปรากฎนั้นใช่เจ้าหน้าที่ของเราจริงหรือไม่

 

 

 

 

โดยข้อมูลเบื้องต้นก็พบว่าเป็นชื่อเล่นที่ตรงกับเจ้าหน้าที่ของเราจริง และจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและหลักฐานต่อไป เพื่อการตรวจสอบที่โปร่งใสทางอธิบดีดีเอสไอจึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่นายนี้มาปฏิบัติราชการที่ดีเอสไอก่อน อย่างไรก็ตาม ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนผู้เสียหายทางดีเอสไอเปิดรับข้อมูลและถ้ามีการสอบข้อเท็จจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ส่วนกลางก็จะต้องไปขอข้อมูลของผู้ได้รับความเสียหายและผู้เกี่ยวข้องด้วย

 

 

 

 

รอโหลดคลิปวิดีโอสักครู่...

 

 

สำหรับทางครอบครัวของเด็กป.4 มีรายงานข่าวว่าบริเวณร้านหรือแผงมังคุด  หมู่ 3 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถานที่รับซื้อมังคุดจากชาวสวนของเจ๊อ้อย ล่าสุดพบว่าไม่มีใครอยู่ โดยประตูที่เป็นลูกกรงปิดใส่กุญแจ มองเข้าไปด้านในพบว่ามีพระพุทธรูปและของบูชาเต็มบ้าน อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้มีการพูดคุยกับเจ๊อ้อยผ่านทางโทรศัพท์ เล่าว่า ตอนนี้ให้ลูกๆ และญาติๆ หลบที่อื่นก่อน เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากโดนข่มขู่จริงอย่างที่กำลังเป็นข่าว ตนจึงให้ลูกออกจากพื้นที่ หลบอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย และมีกำหนดจะไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.อ.นบพิตำ เพื่อแจ้งความและดำเนินคดีกับผู้ที่ข่มขู่ จากนั้นจะเดินทางไป สภ.พรหมคีรี เพื่อแจ้งความเอาผิดกับครูที่เป็นปัญหากับตนต่อไป