- 24 ก.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด : http://www.tnews.co.th
สืบเนื่องจากกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสาร โดยอ้างว่าเป็นหนังสือคำสั่งของพล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5(ผบก.น.5) ซึ่งได้มีคำสั่งที่ 267/2560 ลงวันที่ 22 ก.ย.60 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมมีคำสั่งให้ที่ 268/2560 ลงวันที่ 22 ก.ย.60 ให้ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 มาปฏิบัติราชการประจำที่ ศปก.บก.น.5 โดยมีเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับรถยนต์โตโยต้า แคมรี่ สีเทา ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ในการพาตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีการตัดสินคดีจำนำข้าว ไปส่งที่ชายแดนจ.สระแก้วนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดหน้า !!! ตำรวจพา "ยิ่งลักษณ์" หนี เอกสารว่อนเด้งเข้ากรุ ตั้งกรรมการสอบซ้ำ
ล่าสุดมีความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยนายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย(สปท.) กล่าวถึงขบวนการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนี ว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนจับตามอง และจะเป็นบทพิสูจน์ว่าคณะคสช. จริงจังที่จะสะสางเรื่องนี้ให้ประชาชนหายคลางแคลงใจหรือไม่ และคสช.ก็ถูกมองว่าปิดตาข้างเดียว ที่ปล่อยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีคดีสำคัญไปได้
นอกจากนี้นายสุริยะใส ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับความมั่นคงของประเทศ กรรมการสอบสวนไม่ควรใช้ตำรวจด้วยกันมาตรวจสอบ ควรจะต้องมีความน่าเชื่อถือมากกว่านี้ ควรมีตัวแทนจากหน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหารกอ.รมน. สมช. เข้าไปร่วมสอบสวนขยายผลด้วย เพราะเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ตำรวจระดับนายดาบตำรวจ หรือสารวัตร ทำกันเองตามลำพัง ต้องมีคนระดับบิ๊ก มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง หรือร่วมขบวนการครั้งนี้ด้วย
เมื่อเอาระดับนายตำรวจยศเดียวกันมาสอบกันเอง ก็เลยตั้งข้อหาเบา จนน่าสงสัยและกลายเป็นเรื่องตลกขบขันของสังคม เช่น ฐานความผิดใช้ป้ายทะเบียนรถปลอม ผิดไฟแนนซ์ เป็นต้น ซึ่งทำลายความรู้สึกของประชาชนที่ติดตามข่าวสารเกินไป อาจทำให้เกิดความรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมเอาผิดได้เฉพาะคนจนคนไร้อำนาจเท่านั้น ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นปัญหาด้านการข่าว และหนอนบ่อนไส้ด้วย “เรื่องนี้ชักเริ่มแปลกๆ ไม่ชอบมาพากล
สังคมต้องจับตาอย่างใกล้ชิดอย่าให้เป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะคนร่วมขบวนการก็รับสารภาพแล้วว่าเป็นผู้พาหลบหนีจริง และโยงกับคนมีอำนาจ ทั้งในราชการและนอกราชการ และการปล่อยตัวผู้ต้องหาไปง่ายๆ ก็อาจโดนคุกคามปิดปาก หรือตัดตอนได้ในที่สุด อย่าคิดว่าเร่งรีบสอบสวนตัดตอนคดีเพื่อให้จบๆ คลายข้อแคลงใจของสังคมเท่านั้น ระวังสังคมจะมองว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด ผลเสียจะเกิดขึ้นกับรัฐบาลและคสช.ในที่สุด ที่สำคัญจะทำลายความไว้วางใจของประชาชนต่อระบบยุติธรรมด้วย”