- 05 ต.ค. 2560
ติดตามข่าวเพิ่มเติม http://www.tnews.co.th
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ รายงานว่า...#แฉหมอหัวใจลัดคิวรักษาแลกห้าหมื่น #เรื่องเล่าจากพันทิป
ผู้หญิงรายหนึ่ง เจ็บที่หน้าอก จึงไปหาหมอ ให้เดินสายพานทดสอบหัวใจ หมอบอกว่า อาจจะเป็นโรคหัวใจ แต่ไม่ชัดเจน จึงควรได้รับการตรวจเพิ่มเติมให้แน่ใจ เธอตัดสินใจจะไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรัฐ แห่งหนึ่งที่เธอมีสิทธิ์ประกันสังคมอยู่ เธอไปหาหมอคนที่ 2 ที่คลินิกก่อน (หมอทำงานในโรงพยาบาลรัฐที่เธอมีสิทธิ์ประกันสังคม) ตั้งใจว่าแค่จะสอบถาม ปรึกษาเกี่ยวกับโรค และการเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลรัฐให้สะดวกขึ้น หมอคนที่ 2 บอกเธอว่า
“คุณเป็นโรคหัวใจแน่นอน”
“ต้องฉีดสีตรวจหลอดเลือดหัวใจ”
เธอถามหมอว่ามีวิธีการตรวจอื่นหรือไม่ หมอตอบว่า
“ไม่มีครับที่นี่ แต่มีที่ศิริราชที่เดียว”
(เธอมีภูมิลำเนาอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 1,000 กิโลเมตร) “คุณต้องไปรอคิวที่นั่นอยู่ดี คุณจะรอไหวหรือ ไหนจะค่าเดินทาง” เธอยิ่งกังวล ยิ่งกลัว กับคำที่ว่า
“คุณจะรอไหวเหรอ”
หมอบอกว่า คิวในการฉีดสีหลอดเลือดนาน หากจะทำเร็ว เธอต้องเสียค่าฉีดสี ทำนอกเวลาราชการ จำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) โดยจ่ายเงินที่คลินิกเท่านั้น เธอสงสัยว่ามีสิทธิ์ประกันสังคมแล้วยังต้องเสียเงินมากขนาดนี้ด้วยหรือ หมอพูดว่า “นี่คุณไม่เข้าใจหรือไงว่าเป็นการทำนอกเวลา ผมต้องจ่ายเงินให้คนอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน” เธอบอกว่าตอนนั้นเธอกลัวเรื่องโรคหัวใจมาก วิตกกังวลจนไม่ได้ไตร่ตรอง หรือหาข้อมูลเพิ่มเติม อีกทั้งคิดไม่ถึงว่าจะพบหมอแบบนี้ ตกลงเธอจ่ายเงินที่คลินิกไป 50,000 บาท
หมอนัดให้เธอไปที่โรงพยาบาลรัฐที่หมอทำงานอยู่และเธอเองมีสิทธิ์ประกันสังคมอยู่ด้วย ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งตรงกับวันพฤหัส ต้นเดือนสิงหาคม 2560 เมื่อหมอเข้ามาที่ห้องรอฉีดสีหัวใจ เธอได้ยิน หมอพูดกับคุณลุงผู้ป่วยคนหนึ่งที่รอคิวฉีดสีอยู่ว่า “ลุง ของลุงต้องงดไปก่อนนะ วันนี้หมอเหนื่อยแล้ว ทำไม่ไหว” หมอยังพูดกับคุณยายอีกคนว่า “ยาย ผมบอกแล้ว่าให้มารักษากับผม ทำไมยายไม่มารักษากับผม” ยายตอบว่า “ยายไม่มีเบี้ย” วันนั้น เธอได้รับการฉีดสีตรวจหลอดเลือด ในเวลาราชการ ผลการการตรวจเป็นปกติ เธอไม่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ไหนหมอบอกว่าจะทำนอกเวลาราชการ แต่ที่ทำเป็นเวลาราชการ ค่าอะไรที่เสียไป 50,000 บาท เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่าง รวมถึงเวลาเป็นของราชการ ที่สำคัญ ทำไมหมอไม่ฉีดสีให้คุณลุงคนนั้น ถ้าเธอไม่เสียเงินให้หมอ คุณลุงก็อาจได้ฉีดสี ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอเข้ามาเบียดแทรกคิวของคุณลุงหรือเปล่า เธอรู้สึกผิดและสงสารลุงคนนั้น เธอตัดสินใจไปคุยกับญาติของคุณยายที่บอกว่าไม่มีเบี้ย ญาติบอกว่า เคยต้องเสียเงินไปเป็นแสน ที่คลินิกแห่งนี้ ตอนหลังพอยายรู้ว่าเสียเงินมาก ยายเลยยอมเจ็บ ไม่มารักษา กลัวลูกหลานเสียเงิน ครั้งนี้ยายทนเจ็บไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยเข้ามาโรงพยาบาล ไม่คิดว่าจะเจอหมอคนนี้อีก
หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เธอเริ่มหาข้อมูล จึงรู้ว่า ยังมีโรงพยาบาลอื่นๆอีก ในจังหวัดที่เธออยู่ ทั้งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลเอกชน ที่สามารถฉีดสี หรือทำเอกซเรย์ คอมพิวเตอร์ ก็ได้ นี่หมอต้องโกหกขนาดนี้เลยหรือ หมอไม่ยอมให้ข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อกันไม่ให้ไปรักษาที่อื่น โกหกว่าที่ รพ อื่น ทำไม่ได้ ที่ รพ ไม่มียาต้องรับยาที่คลินิก ยิ่งไปกว่านั้นเธอพบว่าหากไปรักษาโรงพยาบาลเอกชน เธอจะจ่ายค่าฉีดสีรวมถึงค่านอนโรงพยาบาล เพียงครึ่งเดียวของที่เธอเสียไป เธอสงสัยว่าในโรงพยาบาลรัฐแห่งนั้นมีระบบคิวการรักษาอย่างไร พอจ่ายเงินก็เข้าไปแทรกคิว ทำในเวลาราชการได้ง่ายๆเลยหรือ
ยิ่งสืบยิ่งเจอ หมอคนนี้ เพิ่งถูกร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ด้วยเรื่องทำนองเดียวกันนี้ มาเมื่อเดือน มิถุนายน 2560 นี่เอง ผ่านมาไม่ถึง 2 เดือน หมอก็ทำอีก ไม่ยอมหยุด จะปล่อยให้หมอคนนี้ทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน คนที่เสียเงินแล้วอยู่เงียบๆ มีอีกกี่คน น่าจะมากกว่าคนที่ออกมาร้องเรียน ลองอ่านจดหมายร้องเรียนของคนไข้อีกคนดูนะ ถ้าไม่อ่าน คุณอาจเจอหมอที่พูดประโยคแบบนี้ก็ได้
“คุณไม่รักษากับหมอ ดวงไม่ดีแล้ว” <เจ้าของเรื่องติดต่อควีนได้นะ ควีนยินดีช่วย>
อย่างไรก็หลังจากที่เรื่องดังกล่าวถูกแชร์ต่อในโลกออนไลน์ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาวิพากย์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกันเป็นจำนวนมาก
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ