ปั้นน้ำเป็นตัว!!"พลเมืองต่อต้านซิงเกิลเกตเวย์"หลอกกันเองโพสต์รูปคู่"พรหมเมธี-ทะไลลามะ" ก็แค่รูปเก่า!?

อยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างต่อเนื่อง สำหรับการติดตามจับกุมตัว อดีตพระพรหมเมธี หรือนายจำนงค์ เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร ผู้ต้องหาคดี “เงินทอนวัด” ที่ได้หลบหนีไปยังเป็นประเทศเยอรมนี โดยมีเป้าหมายเพื่อขอลี้ภัย

ความคืบหน้าของเรื่องทั้งหมดนี้ ล่าสุดเมื่อ วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวที่ประเทศเยอรมนี รับคำร้องขอลี้ภัยของอดีตพระพรหมเมธี ว่า ยังไม่รับรายงานและไม่มีเอกสารใดๆ ส่งมา เป็นการพูดไปเองกันทั้งนั้น พร้อมถามกลับว่า ข่าวที่ไหนและใครเป็นคนพูด 

นับตั้งแต่การบุกค้น 3 วัดดังในกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้อดีตพระพรหมเมธีหลบหนีไปนั้นก็ไม่เคยปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าอดีตพระพรหมเมธีมีสภาพความเป็นอยู่เป็นเช่นไร หรือว่าอาศัยอยู่กับใครแต่อย่างไร 

แต่อย่างไรก็ตาม ได้เกิดกระแสข่าวว่าอดีตพระพรหมเมธี ได้ไปอาศัยอยู่กับองค์ทะไลลามะ ประมุขหัวหน้าคณะสงฆ์ในพุทธศาสนานิกายมหายานแบบทิเบตเกลุก  เป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณสูงสุดของชาวทิเบต  ซึ่งผู้ที่กระบอกเสียง ทำหน้าที่เปิดเผยกระแสข่าวนี้ ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจาก เพจ“พลเมืองต่อต้าน Single Gateway เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรม #opsinglegateway” หนึ่งในเครือข่ายที่ออกมาป้องวัดพระธรรมกาย และร่วมไปถึงอดีตพระพรมหเมธีนี้ด้วย ซึ่งได้โพตส์ ภาพอดีตพระพรมหเมธีกำลังยกมือไหว้ องค์ทะไลลามะ พร้อมระบุด้วยว่า..

การโพสต์ภาพเช่นนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเป็นการบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงใช่หรือไม่?  มีรายงานข่าวว่า ภาพดังกล่าว เป็นภาพเก่าตั้งแต่ปี59 และสาเหตุที่มีการเปิดเผยภาพนี้ออกมานั้นเพราะคนในเครือข่ายธรรมกายต้องการสร้างขวัญให้พวกพ้องตัวเอง

อีกทั้งเมื่อทำการตรวจสอบไปยังตารางงานขององค์ทะไลลามะ พบว่า6-8 มิ.ย. ท่านได้สอนหนังสือที่ประเทศอินเดีย ต่อมาในวันที่ 13-14มิ.ย. ท่านได้อาศัยที่ประเทศลิทัวเนีย และในวันที่ 16-18มิ.ย. ท่านได้อาศัยในเมืองรีกา เมืองหลวงของประเทศลัตเวีย

อีกหากกางแผ่นที่โลกดูพบว่าระหว่างเยอรมนีที่อดีตพระพรหมซ้อนตัวอยู่นั้นกับประเทศลิทัวเนีย มีประเทศโปแลนด์ทั้งประเทศขั้นกลางอยู่  ดังนั้นแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย ที่อดีตพระพรหมและองค์ทะไลลามะจะพบกันได้ เพราะด้วยข้อจำกัดทางเวลา และระยะทางนั่นเอง

ดังนั้นภาพที่ปรากฏออกมา จึงเป็นเพียงกลยุทธ์เดิมๆขุดภาพเก่ามาเล่าใหม่ปลุกใจพวกเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แต่ที่น่าคิดก็คือขนาดพวกเดียวกันเองอย่าหลอกกันได้ลงคอ แล้วจะหาความสัตย์ซื่อจากคนกลุ่มนี้ได้อย่างไร