- 15 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
แม้ภารกิจจะสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ความแรงของกระแส เรียกได้ว่าแรงดีไม่มีตกจริงๆ สำหรับกระแสของภารกิจการช่วยเหลือ13ชีวิต ทีมหมูป่าอะคาเดมี ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย นับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.61 ถึง 10 ก.ค.61 รวม 18 วัน กว่า 400 ชั่วโมงของปฏิบัติการนี้ ที่ได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี และ กลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นันภาพการรวมพลังของคนไทยที่ยิ่งใหญ่ และเป็นการรวมพลังที่คาดไม่ถึงของคนไทย รวมเป็นความสามัคคีตั้งแต่ภาครัฐ แต่ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น แต่แทบทั่วโลกเลยทีเดียว ต่างพากันชมเชยศักยภาพของทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือจนนำพามาสู่การช่วย13ชีวิต หมูป่า ได้อย่างทันท่วงที
อาทิการที่กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียแผร่แพร่แถลงการณ์ของนางจูลี บิชอป รัฐมนตรีส่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีเนื้อหาบางช่วงบางตอน กล่าวยกย่องภาวะความเป็นผู้นำของรัฐบาลไทย ซึ่งสามารถจัดการกับภาวะวิกฤติ ได้อย่าง “ยอดเยี่ยม” ส่งผลให้ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยที่ถ้ำหลวง- ขุนน้ำนางนอน ประสบความสำเร็จอย่างดงาม ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมือระหว่างประเทศครั้งสำคัญ..
แม้จะได้รับคำชื่นชมจากคนทั้งโลกที่ได้ติดตามการช่วยเหลือ 13ชีวิต หมูป่า แต่ก็มีคนไทยบางกลุ่ม ที่มักจะเคลื่อนไหวทางการเมือง อาศัยจังหวะนี้ โยงสถาการณ์ดังกล่าวเข้ากับการเมือง โจมตีรัฐบาล คสช. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสำหรับประเด็นดังกล่าว ทางด้าน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ ในหัวข้อ "หมูป่า กับ ความมั่นคงของชาติ" มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ฉากจบของหมูป่า จบแล้ว รัฐบาลก็กำลังกำหนดแนวทางบูรณะฟื้นฟูธรรมชาติอยู่ แต่ยังมีคนไม่ยอมให้จบ ทั้งท่ีมีเรื่องราวดีๆ ทั้งต่อชาติ และ ประชาชนเกิดขึ้นมากมาย นับร้อยเรื่อง แต่ก็ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นกัน มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนำเรื่องหมูป่าไปหากิน หรือเอาเรื่องหมูป่า ไปด่ารัฐบาล เพียงเพราะเรื่องนี้จบลงด้วยดี จึงทำให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ไม่ชอบใจ พากันเดือดเนื้อร้อนใจจนนั่งไม่ติด
เรื่องดีๆเหล่านี้ประทับใจกันไปทั้งโลก เพราะ จากการแก้ไขปัญหาแบบฉุกระหุกไปสู่การทำงานอย่างมีแบบแผนท่ีสมบูรณ์ท่ีสุด , จากไม่มีเครื่องมือ มาสู่การมีเครื่องมือครบถ้วน ,จากไม่มีผู้เชี่ยวชาญ มาสู่การมีผู้เชี่ยวชาญทั้งระดับประเทศ และ ระดับโลก ฯลฯผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และ ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เกือบทุกคนเคยพบเห็นเรื่องราวและทำข่าวกันมาแล้ว หลายชาติ หลายพื้นที่ หลายสถานการณ์ที่รุนแรง
แต่พวกเขาไม่เคยเจอน้ำจิตน้ำใจของคนไทยจริงๆ เกือบยี่สิบวันท่ีพำนักอยู่ในพื้นที่ พวกเขาพบน้ำใจ พบประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม นุ่มนวล เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความผูกพันระหว่างในหลวงกับประชาชน หลายคนยังสงสัยว่า ประเทศแบบนี้ยังมีเหลืออยู่ในโลกท่ีโหดร้ายอีกหรือ (The world is a bad place, a terrible place to live)
เมื่อเรารู้ว่าเราอยู่ในประเทศท่ีดีพร้อม เราก็ต้องพยายามรักษาประเทศของเราให้ดีที่สุด เพื่อลูกหลาน เพื่อตัวเรา เพื่อบรรพบุรุษท่ีปกป้องประเทศนี้มาด้วยเลือดด้วยเนื้อ ด้วยการสนับสนุนคนดี คนท่ีรักชาติรักสถาบันฯ ให้เข้ามาดูแลบ้านเมืองของเราต่อไป ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกท่ีถูกต้องท่ีสุดในปัจจุบันนี้ ของคนไทย