สรุปข่าวรอบวัน 30 ส.ค. 2561

 

      กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันพฤหัสบดี ที่ 30  ส.ค. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

 

 

มาเริ่มกันที่ประเด็นข่าวแรกกับกรณีความคืบหน้าคดีพี่สาววัย 15 ยอมให้ แฟนหนุ่ม วัย 18 ข่มขืน น้องสาว วัย 12 ที่ป่วยเป็นออทิสติกจนได้รับบาดเจ็ยสาหัส ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา

      โดยเหตุเกิดที่ อ.สะเดา  จังหวัดสงขลา ล่าสุด 30 ส.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 นำผลตรวจดีเอ็นเอของ น.ส.ขวัญ และนายสัณห์พิชย์ โกบใบ หรือหมอก เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับทั้งสองคนทั้งนี้ฝ่าย น.ส.ขวัญได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าตนสงสัยว่าตอนนี้ได้ตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่เพราะเริ่มมีอาการแปลกๆ  ซึ่งตรงกับก่อนหน้าที่ฝ่ายชายนายสัณห์พิชย์ ออกมาบอกว่าไม่เคยป้องกันเวลามีอะไรกับ น.ส.ขวัญ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตรวจสอบต่อไปว่า น.ส.ขวัญตั้งครรภ์ จริงหรือไม่

 

        ตอนนี้ได้ควบคุมตัว น.ส.ขวัญ ไปยังศาลเยาวชน และครอบครัว จังหวัดสงขลา หลังสอบปากคำเสร็จ น.ส.ขวัญ ยืนยันว่าไม่ได้ให้ นายสัณห์พิชย์ ข่มขืนน้องสาวตัวเอง เพียงแค่ใช้แตงกวาสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศน้องสาวเท่านั้น ส่วนแฟนหนุ่มยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ข่มขืน รวมทั้งไม่ได้จับย่ามัดมือมัดเท้า เบื้องต้นนายสัณห์พิชย์ จะถูกนำตัวไปฝากขังในศาลจังหวัดนาทวี วันที่ 31 ส.ค. 2561 โดยมูลเหตุเป็นเพราะทั้งสองดูหนังโป๊ จนเกิดมีอารมณ์ทางเพศ น.ส.ขวัญ เลยไปหยิบแตงกวามาช่วยตัวเองก็นำไปสอดใส่น้องสาวต่อ จนทำให้เลือดไหล จนปรากฎเป็นข่าว

 

 

 

       ถัดมากับประเด็นข่าวที่สองจากกรณีทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก คล้ายไม่พอใจเกี่ยวกับการทำคดีของทนายรายหนึ่งที่รับทำคดีเกี่ยวกับยาเสพติด จนทำให้ตนนั้นหมดศรัทธาต้องออกมาโพสต์ข้อความ จนหลายคนนำไปเชื่อมโยงกับทนายตั้ม เกี่ยวกับการรับทำคดีของเอมี อาเมเรีย ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน ในประเด็นนี้ทนายอัฉริยะ ได้ออกมาเผยว่าตนยังคิดกับทนายความรายดังกล่าวเป็นน้องอยู่ ที่ตนโพสต์ไปลักษณะดังกล่าวไม่ใช่การประจาน หรือทำให้อีกฝ่ายเสียหาย ตนเพียงแสดงความคิดเห็นในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง

ตนอยากถามว่าการก่อตั้งมูลนิธิของทนายรายนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร ตามชื่อมูลนิธิจะเห็นว่าเป็นมูลนิธิเพื่อประชาชน แล้วเหตุใดจึงรับทำคดีช่วยเหลือผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่เห็นเหมือนที่เคยคุยกันไว้ หากเป็นการรับทำส่วนตัวแบบเงียบๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก ระบุการรับช่วยเหลือคดียาเสพติด ทนายก็รู้ว่าเทคนิคการช่วยเหลือสามารถทำได้อย่างไร

 

 

      ทั้งนี้ทนายอัจฉริยะยังกล่าวอีกว่าตนเพียงโพสต์เพื่อเตือน ซึ่งตนรู้ว่าหลักจากที่โพสต์ไป ตนต้องถูกกลุ่มแฟนคลับเขา เข้ามารุมด่าจนไม่มีใครกล้าเตือน แต่ตนอยากให้เขาคิด เหมือนพี่สอนน้องและยืนยันไม่ได้ผิดใจอะไรกัน เพียงอยากให้คิดเมื่อถึงจุดหนึ่งตนก็ลบออก ตนไม่คิดทำลายชื่อเสียงน้องอยู่แล้ว เพียงอยากรู้ว่าทนายจะตอบสังคมอย่างไร ที่ช่วยเหลือบุคคลเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้หลุดจากข้อกล่าวหา บอกกรณีดารารายดังกล่าวไม่ใช่กรณีแรก

 

 

     

 

      สำหรับประเด็นที่สามกันกรณีความคืบหน้าของคดีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี ที่ออกมาให้ข่าวกับสื่อต่างชาติว่าตนถูกข่มขืน ที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังเดินทางมาท่องเที่ยวภายในประเทศไทย จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องลงพื้นที่ในการหาความจริงเนื่องจากข่าวที่ออกไปกระทบต่อการท่องเที่ยวภายในประเทศ ล่าสุดความคืบหน้าของคดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้ออกมาระบุว่าตอนนี้ได้ทำการสอบสวนพยานแวดล้อมกว่า 20 คนแล้ว ต้องรอผลการการสอบด้านอื่นร่วมด้วยหากพบภายหลังว่าฝรั่งสาวกุเรื่องขึ้นมา จะพิจารณาดำเนินคดี ฐานทำให้ประเทศไทยนั้นเสียหาย ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพิสูจน์กันอย่างเต็มที่

 

      ล่วงเลยมาที่ประเด็นข่าวที่สี่ จากเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 29 .ส.ค. ที่ผ่านมา เมื่อเกิดอุทกภัยจากปริมาณน้ำล้นในเขื่อนสวาร์ชวง เขตพะโค บริเวณพื้นที่ตอนกลางของประเทศพม่า จนทำให้สปิลเวย์ถล่ม มีผู้ได้รับความเสียหายกว่าพันคน นอกจากนี้ด้วยปริมาณน้ำที่มาก ส่งผลให้เมืองสำคัญของพม่าทั้งนครมัณฑะเลย์ และนครย่างกุ้งถูกน้ำท่วมปิด ซึ่งจากเหตุการณ์นี้เอง ทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำทำนายสุดท้ายของหมอดูอีที หรือ ส่วย ส่วย วิน หมอดูชื่อดังชาวพม่า ที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนกันยายน ปี 2560 ในวัย 58 ปี โดยได้ให้คำทำนายก่อนจะเสียชีวิตไว้ว่า เห็นน้ำเยอะมาก น้ำจะท่วม ให้เตรียมอาหารไว้ ให้อยู่ที่สูงๆ ไว้และ อย่างไรก็ตามไม่ว่าเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้จะเกี่ยวเนื่องกับคำทำนายของหมอดูหรือไม่ก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ทางการของพม่าก็ได้ทำการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย และเร่งทำการตรวจสอบสภาพเขื่อน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายต่อไป

 

     มาถึงประเด็นข่าวที่ห้ากับกรณี กระทรวงวัฒนธรรมเสนอการแสดง "โขน"  ต่อ UNESCO หรือ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เพื่อทำการพิจารณาขึ้นบัญชีมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติล่าสุดวันที่ 30 ส.ค. ชาวกัมพูชา กลับแสดงท่าทีไม่พอใจ โดยหลายคนอ้างว่า การแสดงโขนนั้นเป็นวัฒนธรรมของประเทศกัมพูชา ซึ่งไทยน่าจะได้รับอิทธิพลมาอีกทีหนึ่ง

      พร้อมกันนั้นมีการแชร์โพสต์ต้นเรื่องบนเฟซบุ๊กไปกว่า 50,000 ครั้ง และยังได้มีการเข้าไปแสดงความเห็นในเพจของ UNESCO เรียกร้องว่าการแสดง "โขน" นั้นไม่ใช่ของประเทศไทยอย่างที่เข้าใจกัน

 

      ถือว่าเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่คงต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิดว่า ผลจากการพิจารณา ของ UNESCO จะไปในทิศทางใด เพราะชาวไทยส่วนใหญ่ล้วนมีความเชื่อมั่นว่าการแสดง "โขน" นั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของประเทศไทยเช่นกัน

 

สรุปข่าวเด่นประจำวันขอจบไว้เพียงเท่านี้ สำหรับพรุ่งนี้จะมีประเด็นใดน่าสนใจก็ต้องติดตามกันต่อไป