"วรยุทธ"ทีมกม.ครูปรีชาหนุน"อัจฉริยะ"เตือนทนายตั้มทำคดีช่วยผตห.ยาเสพติด เจ้าตัวลั่นเรื่องปกติมีคนไม่ชอบใจ

จากกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์ข้อมูลถึงทนายคนหนึ่ง คล้ายไม่พอใจการรับทำคดีของทนายรายนี้ ที่รับทำคดีเกี่ยวกับยาเสพติด โดยต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ก็ได้โพสต์ข้อความว่า โบราณว่าไว้ “ดีได้แต่อย่าเด่นจะเป็นภัย” พร้อมกันนั้นนายอัจฉริยะได้ประกาศขอยุติบทบาทการทำหน้าที่ประธานชมรมฯด้วย จนกลายเป็นกระแสดราม่าระหว่างทนายทั้งสอง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น 

 

โดย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไลฟ์ในเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยเจ้าตัวขอยุติบทบาทการทำหน้าที่ประธานชมรมฯ อย่างเป็นทางการ พร้อมบอกถึงความคืบหน้าการทำหน้าที่ตั้งแต่ ปี 2553 พร้อมขอบคุณที่คนที่ติดตามเพจและย้ำเจตนารมณ์ในการทำหน้าที่ วัตถุประสงค์สำคัญคือไม่เก็บเงิน

 

 

 

"ถ้าตนเป็นคนสีเทาคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ ตนไม่ใช่คนรูปหล่อที่พูดอะไรคนก็เชื่อไปหมด ดังนั้นให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง ขอพักชั่วคราวเมื่อถึงเวลาจะกลับมา ส่วนคดีต่าง ๆ ที่รับไว้ก็ยังดูแลอยู่ เหมือนญาติมิตรโดยไม่มีค่าใช้จ่าย"

 

 

ขณะที่ทางด้าน ษิทรา เบี้ยบังเกิด นายทนายตั้ม ก็ได้โพสต์ข้อความด้วยว่า "ผมขอบคุณโอกาสต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ให้ผมได้ใช้ความสามารถในวิชาชีพของผม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในสังคม ทั้งที่ผมรู้จัก ไม่รู้จัก หรือจากคนไม่รู้จัก ก็ได้มารู้จักกัน โดยธรรมชาติเหรียญมี 2 ด้าน มีทั้งสนับสนุนและอีกด้านที่ตรงข้าม ด้วยนิสัย ผมเป็นคนตรง ๆ อาจจะมีคนไม่ชอบใจบ้าง ผมรู้ ผมกำลังปรับปรุงให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพื่อตัวเอง คนรอบข้าง และส่วนรวม แต่ด้วยความตั้งใจของผมแต่แรกที่จะเป็นทนายเพื่อช่วยคน เพื่อให้ #โอกาส คนที่ผิดพลาดให้กลับตัว สิ่งเหล่านี้ผมไม่เปลี่ยนแปลง ผมจะทำ และตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกครับ"

 

 

ด้าน นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความครูปรีชา กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของทั้ง 2 คน ตนเคยทำทั้งมูลนิธิฯ และชมรมฯ เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายทางคดีมาแล้ว แต่ต้องทำให้โปร่งใส ส่วนใหญ่แล้วทั้งมูลนิธิและชมรมจะไม่รับทำคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เว้นแต่ผู้เสียหายมีพยานหลักฐานว่า โดนยัดยาเสพติด ส่วนพวกผู้ค้า ผู้เสพ จะไม่ทำคดีให้ เพราะเงินที่ได้จากการทำคดียาเสพติดไม่สะอาด เป็นเงินที่ได้จากการค้ายา

 

ส่วนมากทนายความจะไม่ยุ่งเกี่ยวช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งทนายรับทำคดีได้ไม่ผิด เป็นเรื่องของวิชาชีพ แต่ถ้ารับเงินพวกนี้ก็เหมือนรับเงินของพวกค้ายาเสพติดที่เอาเงินค้ายามาจ่ายให้ทนายความ ดังนั้นถึงทนายษิทราจะอ้างว่าไม่ได้ใช้ชื่อของชมรม แต่เป็นเรื่องส่วนตัว จึงอยากถามว่าทนายษิทราใช้อุปกรณ์ และสถานที่ของชมรมทำคดีนี้หรือไม่ ทำแบบนี้จะไปสอนเด็กตามโครงการต่าง ๆ ได้อย่างไร 

 

"ตนมองว่าที่นายอัจฉริยะออกมาเตือนทนายษิทราในฐานะพี่เตือนน้องนั้นทำถูกต้องแล้ว ตนเองเห็นด้วย ซึ่งตนเองเข้าใจว่านายอัจฉริยะร้องไห้ตอนไปออกรายการต่าง ๆ คงเพราะผิดหวังในตัวทนายษิทรา"