ฟอกเงินกรุงไทยลามหนัก! รอบนี้ถึงคิว"พ่อศิธา" คาดอัยการอาจสั่งคดีเร็ววันนี้ พบรับเช็ค172 ล้าน-มากกว่าลูกโอ๊ค 17 เท่า 

ฟอกเงินกรุงไทยลามหนัก! รอบนี้ถึงคิว"พ่อศิธา" คาดอัยการอาจสั่งคดีเร็ววันนี้ พบรับเช็ค172 ล้าน-มากกว่าลูกโอ๊ค 17 เท่า 

ฟอกเงินกรุงไทยลามหนัก! รอบนี้ถึงคิว"พ่อศิธา" คาดอัยการอาจสั่งคดีเร็ววันนี้ พบรับเช็ค172 ล้าน-มากกว่าลูกโอ๊ค 17 เท่า 


 

ดูเหมือน คดี "ฟอกเงินกรุงไทย" ที่อัยการคดีพิเศษ 4 สั่งฟ้อง "นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ผู้อื้อฉาวเมื่อสัปดาห์ก่อน จะพ่นพิษไม่หยุด เมื่อ "พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง"  อธิบดี DSI ออกมาเปิดเผยด้วยตนเองว่า กรณีของ "นายมานพ ทิวารี" บิดาของ "น.ต.ศิธา ทิวารี" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (น.ต.ศิธา ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มคนสนิทนายพานทองแท้) ซึ่งมีชื่อพัวพันในคดี "ทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย" อยู่ด้วยนั้น ที่ผ่านมากรณีของนายมานพ อัยการไม่ได้สั่งให้ DSI สอบสวนเพิ่มเติม และทาง DSI มีความเห็นควรสั่งฟ้อง และสรุปสำนวนให้ทางอัยการแล้ว คาดอาจจะมีความเห็นทางคดีออกมาในเร็วๆ นี้ หลังสั่งฟ้องนายพานทองแท้ไปแล้ว เหนืออื่นใดก็คือ DSI ยืนยันว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้นพบว่า "นายมานพ" บิดาของ "น.ต.ศิธา" ได้รับเช็คจากบริษัทในเครือกฤษดามหานครเป็นเงินถึง 172 ล้านบาท...และหากกดเครื่องคิดเลขดูจะพบว่า...มากกว่าเช็คที่สั่งจ่ายให้ "ลูกนายใหญ่"...จนทำให้เจ้าตัวถูกดำเนินคดีถึง...17.2 เท่า...ไม่มีขาด...มีเกิน

 

โดยเรื่องนี้เป็นประเด็นควันหลงจากกรณีการสั่งฟ้องนายพานทองแท้จากคดีดังกล่าว เมื่อ "พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง" อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมากล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์คดีฟอกเงินจากการทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับเครือกฤษดาธานนท์ ในส่วนของ "นายมานพ ทิวารี" บิดาของ "น.ต.ศิธา ทิวารี" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีตกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ว่าอาจหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาในคดีดังกล่าว เพราะที่ผ่าน ๆ มา แทบไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ ของพนักงานสอบสวนต่อกรณีของ "นายมานพ" เลย

 

โดย พ.ต.อ.ไพสิฐ ระบุว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนดีเอสไอมีความเห็นสมควร"สั่งฟ้องนายมานพ " และได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาสั่งคดีแล้ว

 

"ที่ผ่านมากรณีของนายมานพนั้น อัยการไม่ได้สั่งให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติม และขอยืนยันว่าจนถึงขณะนี้อัยการยังไม่มีความเห็นทางคดีว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง ส่วนผู้ต้องหากลุ่มอื่นๆที่รับเช็คจากผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร โดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงกรณีของ "นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชาย "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีรับเช็ค 10 ล้านบาท นางกาญจาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายวันชัย หงส์เหิน กรณีรับเช็ค 26 ล้านบาท"  พ.ต.อ.ไพสิฐ ระบุ

 


ซึ่งก็สอดคล้องกับ แหล่งข่าวจากชุดสอบสวนที่ออกมาเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ซึ่งเป็นคดีต่อเนื่องกับคดีทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยไปแล้ว แต่คดีนายมานพเป็น 1 ในจำนวนผู้ต้องหาที่อัยการยังไม่มีคำสั่งทางคดี เบื้องต้นได้รับการประสานว่า กรณีของนายมานพได้ถูกแยกการพิจารณาออกจากผู้ต้องหาอื่น เพื่อรอฟังความเห็นทางคดีของนายพานทองแท้ นางกาญจาภา และนายวันชัย ซึ่งปรากฎว่าคดีฟอกเงินในกลุ่มของนายพานทองแท้นั้น อัยการได้สั่งฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางไปแล้ว จึงทำให้มีการตั้งข้อสงสัยถึงคดีของนายมานพ โดยคาดว่าอัยการจะมีความเห็นทางคดีออกมาในเร็วๆนี้ ตามหลักฐานที่พบจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินซึ่งพบว่าได้รับเช็คจากบริษัทในเครือกฤษดามหานคร วงเงินประมาณ 172 ล้านบาท


ทั้งนี้ สำหรับบุคคลและนิติบุคคลที่รับเช็คจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ และผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร จำนวนกว่า 190 ราย โดยมีหลักฐานพิสูจน์มูลหนี้และเหตุผลในการใช้จ่ายเงินได้ ดีเอสไอจึงได้สรุปสำนวนพร้อมทำความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เสนอให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาสั่งคดีตามขั้นตอนตามกฎหมายแล้ว


อย่างไรก็ตาม ความเห็นของแหล่งข่าวจากชุดสอบสวน ที่ระบุว่า "กรณีของนายมานพได้ถูกแยกการพิจารณาออกจากผู้ต้องหาอื่น เพื่อรอฟังความเห็นทางคดีของนายพานทองแท้ นางกาญจาภา และนายวันชัย ก่อน เมื่อปรากฎว่าคดีฟอกเงินในกลุ่มของนายพานทองแท้นั้น อัยการได้สั่งฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ แล้ว ดังนั้น คาดว่าอัยการจะมีความเห็นทางคดีออกมาในเร็ว ๆ นี้" ก็ชัดเจนจนแทบไม่ต้องตีความอยู่แล้วว่า การสั่งฟ้อง "นายพานทองแท้" ถือเป็นเค้าเงื่อนที่อาจจะส่งให้นายมานพเป็นผู้ถูกฟ้องรายต่อไปค่อนข้างแน่ เพราะเรื่องนี้โยงใยกันไปมาอย่างแทบจะแยกกันไม่ออก และในทางการเมืองผู้สันทัดกรณีต่างรู้กันดีว่า...นายพานทองแท้ และ "น.ต.ศิธา ทิวารี" สนิทสนม...จนแทบจะเป็น...ก๊วนเดียวกัน 


ขณะที่...ทางพี่น้องตระกูล “ชินวัตร” ของเขาก็ออกมาแชร์ข่าวทำนอง มีผู้รับเช็ค...ซึ่งเป็นเงินจากการทุจริตกรุงไทยฯ นี้กว่า 100 ราย...แต่ทำไม...ลูกโอ๊คถูกสั่งฟ้องคนเดียว...โดยทำเป็นข้อมูลประกอบภาพออกมาเผยแพร่ให้...สาวกที่สนับสนุนพวกเขาจดจำข้อมูลผิด ๆ ไปแบบบิดผันข้อเท็จจริง

 

ฟอกเงินกรุงไทยลามหนัก! รอบนี้ถึงคิว"พ่อศิธา" คาดอัยการอาจสั่งคดีเร็ววันนี้ พบรับเช็ค172 ล้าน-มากกว่าลูกโอ๊ค 17 เท่า 


เพราะ DSI ก็ระบุอยู่ชัดแจ้งข้างต้นแล้วว่า "สำหรับบุคคล-นิติบุคคลที่รับเช็คจากนายวิชัยกว่า 190 ราย โดยมีหลักฐานพิสูจน์มูลหนี้ และเหตุผลในการใช้จ่ายเงินได้ ดีเอสไอจึงได้สรุปสำนวนพร้อมทำความเห็นสั่งไม่ฟ้องฯ"...ซึ่งถือว่าต่างจากนายพานทองแท้ ที่ไม่อาจหาหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหาเช็ค 10 ล้านใบนั้นได้...จึงโดนคดีไป...ขณะที่ดูเหมือนกรณีของ "นายมานพ" บิดาของ "น.ต.ศิธา ทิวารี" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย....ส่อจะเป็นรายต่อไป แถมเส้นทางการเงินพบได้รับเช็คจากกฤษดามหานครเป็นเงินถึง 172 ล้านบาท หรือมากลูกโอ๊คถึง 17.2 เท่า