โดนแน่ๆ!! ดีเอสไอจ่อฟัน"ธัมมชโย-ธรรมกาย"ฐานฟอกเงิน-รับของโจร สิ้นก.พ.นี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

ดีเอสไอเตรียมดำเนินคดี "ธัมมชโย-ธรรมกาย" กรณีรับเช็คสหกรณ์คลองจั่น 878 ฉบับ ระบุอยู่ระหว่างพิจารณาข้อหารับของโจรหรือฟอกเงิน คาดเสร็จสิ้นเดือน ก.พ.นี้
         

 

วันนี้ ( 11 ก.พ.)  ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  เมื่อเวลา 09.40 น.  พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์  รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงความความคืบหน้าการดำเนินคดีการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่า  ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายหลังมีชื่อรับเช็คในจำนวน 878 ฉบับ จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตฯ ว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางพนักงานอัยการได้มีหนังสือแจ้งกลับมายังดีเอสไอระบุว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอสามารถดำเนินการพิจารณาในเรื่องของฐานความผิดฟอกเงินหรือรับของโจรได้เลย  ซึ่งขณะนี้ทางดีเอสไอมีข้อมูลคดีดังกล่าวพอสมควรแล้ว  ซึ่งคาดว่าจะสามารถพิจารณาแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้
         

ผู้สื่อถามว่า  การที่มหาเถรสมาคมมีมติไม่ดำเนินคดีกับพระธัมมชโยจะมีผลต่อคดีหรือไม่   พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า กรณีนี้ไม่มีผลกระทบกับเรื่องของเช็คจำนวน 878 ฉบับ เนื่องจากเป็นคนละส่วนกัน  ซึ่งพนักงานสอบจะพิจารณาในเรื่องของเช็คที่เป็นความผิดคดีอาญา ในฐานรับของโจรหรือฟอกเงิน  ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นข้อหาใด  


"ส่วนที่ผมรับผิดชอบคือ  คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นเรื่องนายศุภชัย ยักยอกเงิน ลักทรัพย์ เอาเงินสหกรณ์และมีเงินส่วนหนึ่งที่นายศุภชัย สั่งจ่ายไปที่วัดพระธรรมกาย  ซึ่งไม่เกี่ยวกับในเรื่องของพระธรรมวินัย  เราจะพิจารณาในกรอบเท่านี้  ส่วนจะมีใครไปร้องเรียนเรื่องให้พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิกหรือไม่นั้น  ตรงนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าว
         

รองอธิบดีดีเอสไอ  กล่าวอีกว่า การพิจารณาข้อหาการฟอกเงินนั้น ต้องมีองค์ประกอบ คือ 1.ดูเจตนาของผู้รับ 2.มีมูลหนี้ต่อกันหรือไม่ ถ้าไม่มีมูลหนี้ต่อกันก็จะเป็นข้อสังเกตในเรื่องของเจตนา  ซึ่งควรจะรู้เงินที่ได้นั้นมาจากการยักยอกทรัพย์หรือยักยอกมา  ซึ่งมาจากการกระทำความผิด  นั่นเป็นลักษณะของการฟอกเงิน  ส่วนข้อหาฐานรับของโจร ก็มีลักษณะคล้ายกัน  แต่คดีความผิดรับของโจรมีอายุความ 10 ปี ส่วนความผิดฐานฟอกเงินอายุความ 15 ปี