เจ้าของอู่เข้าให้ปากคำดีเอสไอ ปัดเอี่ยวนำเข้า-จดประกอบรถ-ปลอมเอกสาร

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

เจ้าของอู่รับจ้างประกอบรถโบราณ เข้าให้ปากคำดีเอสไอ รับประกอบรถเบนซ์ "สมเด็จช่วง" จริง ไม่เกี่ยวนำเข้า-ปลอมเอกสารจดทะเบียน ขณะ เจ้าของอู่ "เอ็นพี การาจ" เข้าแจ้งความเอาผิดคนปลอมลายเซ็น พร้อมปัดเอี่ยวยื่นจดทะเบียนรถจดประกอบรถ
         

วันนี้ (19 ก.พ.)  ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  เมื่อเวลา 13.30 น.  นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของ บริษัทแอนซีทรานสฟอร์เมอร์ จำกัด ซึ่งเป็นอู่รถผู้รับจ้างประกอบรถยนต์โบราณ และเป็นผู้ประกอบรถเบนซ์ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ"สมเด็จช่วง" เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หลังพบว่าตนเองมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง
         

นายวิชาญ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาให้ข้อมูลกับทางดีเอสไอเพิ่มเติม  โดยข่าวออกมาที่ตนเยอะมาก เพราะเป็นคนทำรถเบนซ์คันนี้ขึ้นมา ถ้าไม่ทำคงไม่วุ่นวายขนาดนี้   ทั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นอู่ที่ทำตัวรถคันดังกล่าว แต่ก็ต้องแยกออกเป็นเรื่องๆ เช่น การนำเข้า การจดประกอบ การเสียภาษี และการจดทะเบียนรถ  ถ้าเปิดอู่ซ่อมรถรับจ้างทำงานและเป็นความผิด ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กันอย่างไร  ส่วนเรื่องของเอกสารการยื่นตามที่ต่างๆ นั้นจะเป็นใบเสร็จหรือลายเซ็น  ตรงนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปหาข้อมูล   แต่ในขั้นตอนของตนนั้นเป็นแค่อู่ที่รับจ้างทำงาน  ส่วนเรื่องการนำเข้าและรายละเอียดขั้นตอนอื่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ตนขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจดประกอบรถอยู่แล้ว  รวมทั้งการยื่นเอกสารของทางราชการค่อนข้างวุ่นวาย  ตนเป็นช่างทำไม่เป็น

 

เจ้าของอู่เข้าให้ปากคำดีเอสไอ ปัดเอี่ยวนำเข้า-จดประกอบรถ-ปลอมเอกสาร
      
นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของ บริษัท แอนซีทรานสฟอร์เมอร์ จำกัด   

นายวิชาญ กล่าวต่อว่า  ที่อู่มีลูกน้องเพียง 4-5 คน  อุปกรณ์บางชิ้นต้องอาศัยร้านคนอื่นเลย และไม่ใช่อู่ทำรถพระ สำหรับมูลค่าการซ่อม 4 ล้านบาท นั้นไม่ใช่อู่ตนอย่างเดียว  แยกไปยังบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย   และยมอรับว่ารู้จักกับ หจก.อ๊อด 89 เพราะร่วมกันทำแต่ทำเฉพาะรถเบนซ์คันนี้คันเดียว และไม่ได้มีหุ้นส่วนอะไรกัน  ซึ่งเหตุที่รถเบนซ์คันดังกล่าวมาซ่อมที่อู่  เพราะว่าอู่เรามีประสบการณ์เรื่องรถโบราณ  ส่วนเรื่องใครจะไปทำอะไรทั้งต่อทะเบียนหรือเสียภาษีเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถ  ทางอู่ไม่เกี่ยว
 

ในวันเดียวกันนี้  นางกาญจนา มากเหมือน เจ้าของอู่ เอ็นพี การาจ  ซึ่งเป็นอู่ประกอบรถยนต์ที่จดทะเบียนถูกต้อง  เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับผู้ปลอมลายมือชื่อ  และแอบอ้างชื่ออู่ เอ็นพี การาจ  ไปจดประกอบรถรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ โบราณ เลขทะเบียน ขม 99 ของสมเด็จช่วง ซึ่งนางกาญจนา ยืนยันว่า  ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจดประกอบรถคันดังกล่าว  และไม่เคยเห็นรถคันดังกล่าวด้วย แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ นายชลัช นิติฐิติวงษ์ เพื่อนของสามี เป็นผู้แนะนำ  และนำเอกสารขอใบอนุญาตประกอบอุตสาหกรรม หรือ จดประกอบรถยนต์  มาให้และพาไปยื่นขออนุญาต ที่กรมสรรสามิตร ด้วย จากนั้นก็ไม่พบนายชลัช อีกเลย  และยืนยันว่าที่ผ่านแม้มีใบอนุญาต แต่ไม่เคยประกอบรถยนต์   เนื่องจากไม่มีช่างผู้เชี่ยวชาญ รับเพียง เคาะ พ่น สี เท่านี้  พร้อมยืนยันว่า ไม่รู้จัก อู่วิชาญ  ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพร์ส และ นายสมนึก ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับจ้างไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก

 

เจ้าของอู่เข้าให้ปากคำดีเอสไอ ปัดเอี่ยวนำเข้า-จดประกอบรถ-ปลอมเอกสาร

นางกาญจนา มากเหมือน เจ้าของอู่ เอ็นพี การาจ
         

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า  ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าใครเป็นผู้นำเอกสารไปยื่นที่กรมสรรพสามิต และกรมการขนส่งทางบก  ส่วนนายชลัช อยู่ระหว่างการประสาน เพื่อให้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ และเบื้องต้นทราบจากกระแสข่าวว่า สมเด็จช่วง ไม่ต้องการครอบครองรถคันดังกล่าวแล้ว   ซึ่งหลังจากนี้ดีเอสไอจะขอเข้าพบกับสมเด็จช่วงเพื่อสอบถามความต้องการ  พร้อมนำรถของกลางมาดูแลรวมทั้งจะสอบถามเพื่อยืนยันลายเซ็นที่ปรากฏในเอกสารครอบครองรถ  ว่าใช่ลายเซ็นสมเด็จช่วงหรือไม่  ซึ่งหากไม่ใช่จะนำลายเซ็นส่งตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง
         

ขณะที่ นายสมชาย พูลสวัสดิ์  อธิบดีกรมสรรพสามิต  กล่าวว่า พร้อมเข้าไปตรวจสอบหากดีเอสไอ ประสานความร่วมมือในการขอข้อมูล แต่การจะเข้าไปตรวจสอบภาษีสรรพสามิต จะต้องรอให้คดีถึงที่สิ้นสุดก่อน เมื่อคดีสิ้นสุดกรมฯ จะเข้าไปประเมินภาษีใหม่ และยืนยันไม่ปกป้องผู้ที่กระทำผิด หากพบว่าเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตมีส่วนรู้เห็น จะลงโทษตามกฎหมาย