- 11 มี.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
ผบ.ตร. เผยได้รับรายชื่อผู้มีอิทธิพลจากทุก บช.แล้ว ยอมรับมีนายพลตร.มีชื่อเป็นผู้มีอิทธิพล ขณะนี้กำลังตรวจสอบ ย้ำหากพบผิดจริงจะลงโทษทั้งวินัย-อาญา ส่วนกรณีสั่งทุกหน่วยรายงานเหตุด่วนถึงรองนายกฯ ผ่าน "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" เป็นเรื่องปกติเพื่อให้งานรวดเร็ว
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการส่งรายชื่อผู้มีอิทธิพลจากทุกกองบัญชาการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เบื้องต้นได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และคาดจะเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า พร้อมกับยอมรับว่าได้พูดคุยกับข้าราชการตำรวจยศนายพล ที่มีรายชื่อเป็นผู้มีอิทธิพลใน 16 ฐานความผิดแล้ว โดยหลังจากนี้จะดำเนินการเอาผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา แต่จากการพูดคุยตำรวจยศนายพลยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าว แต่ต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้อาจเป็นข้อมูลเก่า ปัจจุบันอาจเลิกยุ่งเกี่ยวไปแล้ว ขณะที่บางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่ต้องเรียกมาคุยเพราะบางคนเป็นถึง ผบช. หากเป็นระดับต่ำลงไป ผบช.จะเรียกมาคุยเอง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ผบช.น.ยอมรับว่ามีตำรวจนครบาล 4 นายที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล ได้มีการเรียกเข้ามาพูดคุยหรือยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนไม่ได้ระบุว่ามี 4 คนและไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้การทำงานยากขึ้น แต่รับว่ายังรับราชการอยู่ หากมีความผิดจริงก็จะประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่ออายัดทรัพย์ นอกจากนี้จะดำเนินการทางวินัยและดำเนินคดี ส่วนตำรวจนอกราชการที่เกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดีอาญา
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพลหรือนักการเมืองท้องถิ่นมีการบูรณาการทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง โดยขั้นตอนในการดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการรวบรวมสำนวน และเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
" ยืนยันว่าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ต่อต้านคสช. ซึ่งนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และไม่รู้สึกกังวลใจหรือหนักใจหากต้องดำเนินคดีกับข้าราชการตำรวจหรือนักการเมืองที่เป็นผู้มีอิทธิพล " พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว และว่า
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีข้อสั่งการถึง ผบช.ทุกหน่วยเกี่ยวกับการรายงานเหตุอาชญากรรม อุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศที่ต้องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชา โดยให้หัวหน้าหน่วยจะต้องรายงานเหตุเพื่อนำเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผ่าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. กรณีนี้เป็นการบริหารงานปกติ ที่ผ่านมาก็ปฏิบัติแบบนี้มาโดยตลอด ในการรายงานแจ้งเหตุดังกล่าวก็จะต้องเรียนผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น คิดว่าในข้อสั่งการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติงานที่รวดเร็ว