แจ้ง 2 ข้อหาหนัก ลูกชายตำรวจลวงสาว 17 ไปทำมิดีมิร้าย

จากกรณีผู้เสียหายแจ้งจับ "ลูกรอง ผบก." อ้างพาไปถ่ายแบบ กลับเลี้ยวเข้าม่านรูด โดยได้แจ้งความกับทางสน. ตลิ่งชัน ซึ่งนักเรียนสาววัย 17 ปี "ลูก ร.ต.ต." ทนไม่ไหว พาพ่อขึ้นโรงพัก ลุยแจ้งตำรวจเอาผิด "ลูกรองผบก." หลังอุบายอ้างพาไปถ่ายแบบ สุดท้ายกลับเลี้ยวเข้าม่านรูด แถมปล่อยให้กลับบ้านเอง 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2564 ที่ สน.ตลิ่งชัน ร.ต.ต.เอก (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี พา น.ส.ไก่ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าให้การเพิ่มเติมกับ ร.ต.อ.บัญญัติ ชนะสิทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน หลังจากที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อเวลา 16.23 น. วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากบุตรสาวถูกลูกชายนายตำรวจระดับรอง ผบก. ล่วงละเมิดทางเพศ.น.ส.ไก่ ให้การว่า เริ่มรู้จักกับนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ได้ราว 2-3 เดือน จากการทักแชทการสนทนาเข้ามาทางเฟซบุ๊กส่วนตัวลักษณะชู้สาวชวนไปกินอาหารญี่ปุ่น ซึ่งครั้งนั้นหลังจากกินเสร็จ นายเอ ส่อพฤติกรรมไม่ดีตั้งแต่แรก จึงเลิกคุยด้วยและไม่ได้ติดต่อกันอีก 

กระทั่งตนโพสต์ไปในอินสตาแกรมส่วนตัว (ไอจี) ว่าอยากถ่ายแบบ เพื่อมีอัลบั้มรูปเป็นของตัวเองให้คนเข้ามากดไลค์ กดแชร์ นายเอ จึงส่งข้อความทักเข้ามาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 64 ว่ารับอาสาถ่ายภาพให้ และอ้างว่ามีกล้องชุดใหญ่สามารถถ่ายภาพให้ออกมาโดดเด่นได้กระทั่งมีนัดถ่ายแบบกันในวันที่ 17 ธ.ค. 64 หลังจากเลิกเรียน โดยนัดกันที่หน้าโรงเรียน และเมื่อถามถึงทะเบียนรถที่จะมารับ นายเอก็บอกทะเบียนรถมา 
 

เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายเอได้ขับรถเก๋งโตโยต้า คัมรี สีดำ มารับ และไม่มีที่หมายว่าจะไปถ่ายแบบที่ใด แถมยังไม่เห็นว่ามีชุดกล้องชุดใหญ่อย่างที่กล่าวอ้าง จากนั้น นายเอ ขับรถไปบนถนนราชพฤกษ์ แล้วเลี้ยวเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นม่านรูดย่านบางกรวย จ.นนทบุรี แล้วบอกว่าให้ตนใส่แมสก์ดีๆ เพราะไม่อยากให้เด็กรับรถรู้ว่าเป็นเด็กนักเรียน โดยพาเข้าพักที่ห้อง 210 จากนั้นได้ใช้กำลังบังคับขืนใจ ตนพยายามดิ้นรนต่อสู้แต่ก็สู้แรงไม่ไหว จึงบอกไปว่ามีแฟนอยู่แล้ว แต่นายเอก็ไม่หยุด แถมยังไม่ใส่ถุงยางอนามัย ก่อนลงมือ

หลังจากสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ยังควักเงินมาให้ 500 บาท แล้วบอกว่าไม่ใช่ว่าเอาไปฟ้องตำรวจนะ จากนั้นได้ขับรถไปส่งที่ห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และให้ตนกลับบ้านเอง

น.ส.ไก่ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่คิดทบทวนอยู่ 2 วัน รู้สึกคับแค้นและเสียใจกับพฤติกรรมที่หยามเพศหญิงแบบนี้ จึงนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้บิดาฟัง จากนั้นจึงพาเข้าแจ้งความ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวน ทำหนังสือส่งไปตรวจร่างกายที่วชิระพยาบาล เบื้องต้นพบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศจริง

ส่วนเรื่องทางคดีตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในโรงแรมดังกล่าว พบว่ามีรถเก๋งคันที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างเข้าไปที่โรงแรมจริงในช่วงเวลา 16.29 น. และได้สอบปากคำพนักงานต้อนรับที่เห็นพฤติกรรมของบุคคลรายนี้ไว้แล้ว จากนี้จะต้องรอสหวิชาชีพ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสอบสวนผู้เสียหายอีกครั้ง รวมทั้งต้องรอผลตรวจร่างกาย ผลตรวจดีเอ็นเอ เพื่อมาประกอบสำนวน สำหรับออกหมายเรียกผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดี โดยยืนยันไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นลูกตำรวจระดับใด ใหญ่แค่ไหน แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อกฎหมายร่วมกัน

ล่าสุดวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาหนัก ลูกรองผู้บังคับการกระทำชำเรา เยาวชนอายุ 17 ปี ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ จึงนำตัวฝากขังแล้วช่วงสายวันนี้ พร้อมคัดค้านประกันตัว

โดยพลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้า หลังลูกชายของนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการคนหนึ่ง สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ล่วงละเมิดเยาวชนหญิง อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย ลูกสาวนายตำรวจเช่นเดียวกัน เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่า เป็นคนพาเยาวชนไปจริง แต่รายละเอียดไม่ขอเปิดเผย และขอให้การในชั้นศาล

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหา ข่มขืนกระทำชำเรา และพรากผู้เยาว์เด็กอายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปีไปเพื่อการอนาจาร และเนื่องจาก เป็นการมามอบตัว โดยที่ตำรวจยังไม่ออกหมายจับ ตำรวจจึงไม่มีอำนาจควบคุมตัว หลังแจ้งข้อหาแล้วจึงปล่อยตัวไป และวันนี้ ได้นัดหมายผู้ต้องหาไปที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง ซึ่งผู้ต้องหาสามารถใช้สิทธิยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลได้ แต่เบื้องต้น พนักงานสอบสวน คัดค้านการประกันตัว เนื่องจาก เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ พนักงานสอบสวน จะรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งการสอบปากคำผู้เสียหาย ภาพจากกล้องวงจรปิด และผลการตรวจร่างกาย เพื่อนำมาประกอบสำนวน ส่งฟ้องต่ออัยการภายใน 6 เดือน รวมถึง จะสอบสวนขยายผลว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่