- 21 ต.ค. 2565
เปิดคำสารภาพ ดาบตำรวจขโมยปืนหลวง โรงพักปากเกร็ด ทำไปด้วยเหตุผลสุดคลาสสิค คนรับซื้อระวังไว้ เบื้องต้นได้คืนแล้ว 27 กระบอก
เปิดคำสารภาพ ดาบตำรวจขโมยปืนหลวง โรงพักปากเกร็ด ทำไปด้วยเหตุผลสุดคลาสสิค จากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สภ.ปากเกร็ดปืนหายเกือบ 100 กระบอกกระทั่งสืบสาวติดตามจนทำให้ทราบว่าคนขโมยไม่ใช่ใครอื่นไกลแต่เป็น ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ตำแหน่ง ผบ.หมู่ งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบเบิกจ่ายอาวุธปืน ก่อนจะสามารถติดตามและจับกุมได้ในที่สุด
ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ตำรวจสังกัด สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดนจับในฐานความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ หลังก่อเหตุขโมยปืนหลวงกว่า 100 กว่ากระบอก ได้ที่ จ.หนองคาย ใกล้ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างกำลังพยายามหลบหนีออกนอกประเทศไปเวียงจันทร์ สปป.ลาว ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นำตัวกลับมาสอบสวนโดยละเอียดที่สโมสรตำรวจ
ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้สื่อข่าวพยายามถาม ข้อมูลต่างๆ จากการนำปืนไปขาย แต่ ด.ต.เชาวลิต ไม่ตอบคำถามใดๆ ขณะที่ พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าขโมยปืนหลวงจริง ตอนนี้ รู้เป้าหมายที่นำไปขายแล้วประมาณ 9 จุด เป็นลักษณะทั้งรายบุคคลและร้านค้าที่รับซื้อ
จากข้อมูลตอนนี้มีเพียงแค่ปืนอย่างเดียวไม่มีกระสุนปืน ปืนที่หายไปคือปืนกล็อก , ปืนซิกซาวเวอร์ และปืนลูกโม่ ส่วนปืน M4 อยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่ง ด.ต.เชาวลิต นำไปขายและจำนำกระบอกละประมาณ 20,000 บาท เท่าที่ถามคือต้องการนำเงินไปเล่นการพนัน สำหรับ คนที่รับซื้อแล้วนำปืนมาคืนโทษหนักก็จะเป็นเบา ถ้าโทษเบาก็อาจจะกันไว้เป็นพยาน ถ้ารีบมาภายใน 2-3 วันนี้
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร ที่เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาก่อเหตุเพียงคนเดียว มีหน้าที่ดูแลคลังอาวุธโรงปืน ของ สภ.ปากเกร็ด จากนี้ต้องขยายผลต่อไปว่ามีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่ โดย ผกก.สภ.ปากเกร็ด ไล่ตรวจสอบอาวุธปืนจนทราบว่า ปืนหายไปจำนวนมาก ประมาณ 120 กว่ากระบอก แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่ามากกว่า 120 กระบอก ซึ่งตัวผู้ต้องหาเองหมดปัญญาจะเอาปืนมาคืน จึงหลบหนีไปอยู่แถวชายแดนได้ 7-8 วันแล้ว แต่ข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อบ้านไม่ได้ จนถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในส่วนของผู้บังคับบัญชาไล่ลงมาตั้งแต่ ผกก. , รอง ผกก.ป.มีความบกพร่องในหน้าที่ ปล่อยปละละเลย ทั้งๆ ที่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้ที่ จ.ระยอง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนเก่า และตนสมัยเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.เคยกำชับเป็นหนังสือกันเรื่อยมา แต่ก็ยังเกิดขึ้นอีก โดยพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์. ผบ.ตร. กำชับต้องตามปืนกลับมาให้ครบ โดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันเหตุร้าย
พร้อมกันนี้ ระหว่างที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาอยู่นั้น ตำรวจชุดสืบสวนได้ข้อมูลมาว่า มีประชาชนนำปืนที่รับซื้อไปมาวางคืนไว้ที่หน้าสโมสรตำรวจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปนำปืนดังกล่าว ซึ่งบรรจุไว้ภายกระเป๋าเดินทางสีแดงเลือดหมูขนาดใหญ่ ลงมายังห้องสอบปากคำ
ภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ผู้ต้องให้การรับสารภาพทั้งหมด และให้การเป็นประโยชน์ ว่า เอาปืนไปขายและจำนำที่ไหน อย่างไรบ้าง ผู้ต้องหาระบุว่าทำแบบนี้มา 4-5 ปีแล้ว ซึ่งการนำปืนออกมา นำออกมาทีละ 2-3 กระบอก ซึ่งเป็นจำนวนน้อย ไม่จำเป็นต้องหลบหลีก ถ้าหากผู้บังคับบัญชาไม่ตรวจสอบโดยละเอียด ก็จะไม่รู้ว่าปืนหายไป
ทั้งนี้ มั่นใจว่าภายใน 2-3 วัน จะสามารถนำปืนกลับมาได้จนครบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปูพรมค้นหาตั้งแต่คืนที่ผ่านมา และจะทำการสอบสวนให้แล้วเสร็จ และนำฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรีวันนี้ก่อนเวลา 12.00 น.
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า ตอนนี้ได้ปืนกลับคืนมาแล้ว 27 กระบอก จากการที่มีประชาชนนำมาวางไว้ที่สโมสรตำรวจ แต่ยังไม่ทราบว่าใครนำมาวางไว้ แม้ว่ายังไม่สามารถระบุตัวตนได้ แต่เจ้าหน้าที่สามารถไล่ดูได้หมดอยู่แล้วว่าเป็นใคร ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ต้องรอให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบโดยละเอียดทั้ง DNA , ลายพิมพ์นิ้วมือ ลายพิมพ์ฝ่ามือ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้ฝากทิ้งท้าย ถึงประชาชนที่รับซื้อปืนไป ที่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ สามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำปืนมาคืนได้ ทางตำรวจก็จะได้สอบปากคำว่ารับไว้ด้วยเจตนาใด แต่เบื้องต้นมีความผิดอยู่แล้ว เช่น ข้อหารับของโจร
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline