ด่วน "แอม ไซยาไนด์" แท้งลูก เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ

รายงานข่าวด่วน 23 มิถุนายน 2566 มีรายงานเกี่ยวกับ แอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาในคดีวางยาพิษสังหารเหยื่อหลายรายที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ล่าสุดมีรายงานที่ได้รับการยืนยันแล้วว่า แอม ไซยาไนด์ แท้งลูก ขณะนี้กำลังนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.15น. มีรายงาน แอม ไซยาไนด์ แท้งลูกในเรือนจำ เสียลูกในท้องวัยตั้งครรภ์ 7 เดือน เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจอย่างเร่งด่วน

ด้านทนายธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายอดีตนางงาม ขวัญใจชาวนา ทราบเรื่องแล้ว และได้แจ้งแม่ของแอม ไซยาไนด์ ซึ่งปรึกษากันว่าจะเก็บร่างเด็กส่งพิสูจน์หาสาเหตุการตายและยังไม่เผา โดยรายงานระบุว่า แอม แท้งลูกตั้งแต่ 2 วันที่แล้ว

สำหรับความคืบหน้าด้านคดีของแอม ไซยาไนด์ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 "แอม ไซยาไนด์" โดนแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 80 ข้อหา มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

โดยชุดคลี่คลายคดีเผยว่าได้มีการรวบรวบหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเงิน หรือผลทางนิติวิทยาศาสตร์ เข้ามารวมในสำนวน จนเริ่มมีความชัดเจนในทางคดีมากขึ้น  ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเตรียมแจ้งข้อหา "แอม" เพิ่มเติมคดีละ 3-5 ข้อหา รวมเกือบ 80 ข้อหา

โดยในเบื้องต้นตามหลักฐานที่ชัดเจนแล้ว จะทยอยแจ้ง 40 ข้อหาภายในสัปดาห์นี้  ส่วนที่เหลือยังรอหลักฐานในส่วนอื่นที่จะนำมาประกอบให้สมบูรณ์ก่อน จึงจะแจ้งในภายหลักอีก 40 ข้อหา  

ทั้งนี้ข้อหา "แอม ไซยาไนด์" เพิ่มเติมตามพฤติการณ์คดีทั้ง 15 คดี ที่ก่อเหตุ (ก่อนหน้านี้ถูกแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง , ปลอมเอกสาร) ตำรวจเตรียมแจ้งเพิ่ม เช่น

มาตรา 236 ผู้ใดปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้น น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขาย สิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้ (ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)

มาตรา 289 (6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น (ต้องระวางโทษประหารชีวิต)

มาตรา 289 (7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ (ต้องระวางโทษประหารชีวิต)

มาตรา 339  ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย (ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท) และความผิดตาม พรบ.วัตถุอันตราย