ทนายเดชา เปิดบทลงโทษ 5 โจ๋ อธิบายประเด็น สามีป้ากบ ยอมรับสารภาพ

ทนายเดชา เปิดบทลงโทษ 5 โจ๋ อธิบายประเด็น สามีป้ากบ ยอมรับสารภาพ : ยังอยู่ในความสนใจของสังคมอย่างมากกับเคสคดีของ "ป้ากบ" หรือ "ป้าบัวผัน" หญิงเร่ร่อนสติไม่ดีที่ถูก 5 วัยรุ่นทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งขั้นตอนการทำร้าย  "ป้ากบ" หรือ "ป้าบัวผัน" ทำให้หลายคนสะเทือนใจอย่างมาก เพราะคาดไม่ถึงว่า เยาวชนทั้ง 5 คน ที่อายุแค่ 13 - 16 ปี จะสามารถทำเรื่องเลวร้ายได้ขนาดนี้ 

ยิ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเนื้อหาของคลิปเสียงของกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นวัยรุ่นดังกล่าวในขั้นตอนการทำร้าย "ป้ากบ" หรือ "ป้าบัวผัน" แล้ว ยิ่งน่าหดหู่ใจ เป็นที่สุด ทำให้หลายคนที่ได้ยินได้ฟังถึงกับรับไม่ได้กับการก่ออาชญากรรมในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็ได้มีคนสังเกตในเรื่องคำสารภาพของทั้ง 5 โจ๋  และ สามีป้ากบอีกด้วย 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดพิรุธ คำสารภาพ 5 เยาวชนผู้ก่อเหตุ - สามีป้ากบ ล่าสุดกู้ภัยงมเจอหลักฐานสำคัญแล้ว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ได้ออกมาเผยในมุมกฎหมายเกี่ยวกับดคีนี้ว่า ยังมี 2 ประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม คือ ตอนนี้เด็กและเยาวชนก่อเหตุอาชญากรรมมากขึ้น จะทำอย่างไร ต้องแก้กฎหมายเพิ่มโทษให้เด็กและเยาวชนหรือไม่ และอีกประเด็น คือ กรณีที่ตั้งข้อหาลุงเปี๊ยกไปแล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อนั้น 

โดย ทนายเดชา ให้ความเห็นกรณีตำรวจตั้งข้อหาลุงเปี๊ยกว่า การที่ลุงเปี๊ยกสารภาพเพราะเมา เป็นไปได้ว่าไม่มีสติ ขาดสัมปชัญญะ จึงอาจกลายเป็นเรื่องขาดเจตนา ซึ่งอาจทำให้ไม่มีความผิด แต่คดีนี้มีลูกตำรวจร่วมก่อเหตุด้วย ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่า มีคนให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพหรือไม่ แล้วค่อยทำสำนวนอ่อนๆ เพื่อให้ยกฟ้องในชั้นศาลภายหลัง 

 

ส่วนที่แจ้งข้อหาลุงเปี๊ยกไปแล้วจะถอนข้อหาไม่ได้ ถ้าไม่ได้ทำผิด ต้องมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง กรณีนี้ถือเป็นความไม่ละเอียดของตำรวจ ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุยังเป็นเยาวชนอายุน้อย และปัจจุบันมีสถิติก่ออาชญากรรมมากขึ้น จนมีเสียงเรียกร้องให้แก้กฎหมายเพิ่มโทษเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด เด็กถือเป็นผู้ไร้เดียงสา มีวุฒิภาวะต่ำ กฎหมายไทยก็คุ้มครอง 

 

โดยเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี ไม่ต้องรับโทษ , เกิน 12 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ให้ใช้วิธีการสำหรับเด็ก ไม่ต้องเข้าคุก , อายุต่ำกว่า 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษ ซึ่งกระบวนการนี้เป็นสากล ดีอยู่แล้ว จึงควรไปดูที่พ่อแม่ว่าเอาใจใส่ลูกมากแค่ไหน ซึ่งจะเป็นเชิงป้องกันมากกว่า