ฮ่องกงสั่งแบนหนังสยองขวัญ วินนี่ เดอะ พูห์ หวั่นคนโยง ประธานาธิบดีจีน

ฮ่องกงสั่งแบนหนังสยองขวัญ วินนี่ เดอะ พูห์ ภาพยนตร์แนวสยองขวัญ หวั่นคนจับประเด็นโยง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน

กลายเป็นประเด็นดราม่าทันที เมื่อ VII Pillars Entertainment ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่อง Winnie the Pooh: Blood and Honey ออกแถลงการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ขอโทษที่ทำให้ผู้ชมทั้งในฮ่องกงและมาเก๊า รู้สึกผิดหวังและได้รับความไม่สะดวกสบาย หลังจำเป็นต้องยกเลิกกำหนดการฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวในวันที่ 23 มี.ค. 2566 

 

 

สำหรับ Winnie the Pooh : Blood and Honey เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญเกี่ยวกับหมีพูห์ ตัวการ์ตูนดังในวัยเด็ก ที่มีภาพลักษณ์เป็นหมีใจดีและซื่อสัตย์ แต่กลับกลายมาเป็นตัวละครครึ่งหมีครึ่งคนที่ถืออาวุธไล่ฆ่าคนเพื่อล้างแค้น

 


โดย ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นกระแสตั้งแต่มีการปล่อยตัวอย่างออกมา โดยเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือนที่แล้ว และมีกำหนดเข้าฉายทั่วสหราชอาณาจักรในเดือนนี้ แต่ฟีดแบ็กไม่ค่อยดีนัก ได้คะแนนรีวิวเพียง 4% ในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes (รอตเทน โทเมโทส์)
 

 

 

ด้าน สำนักงานกองกิจการภาพยนตร์และหนังสือพิมพ์ของฮ่องกง ปฏิเสธว่าหนังไม่ได้ถูกเซ็นเซอร์ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดแน่ชัด ขณะที่ผู้กำกับ Rhys Frake-Waterfield (รีส เฟรค-วอเตอร์ฟิลด์) ระบุว่า ทางโรงภาพยนตร์ตกลงจะฉายหนังแล้ว แต่อยู่ๆ ก็มีการเปลี่ยนแผนในชั่วข้ามคืน คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ พวกเขาอ้างว่าเป็นปัญหาทางเทคนิค แต่หนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 4,000 แห่งทั่วโลก กลับมามีปัญหาแค่ไม่กี่สิบโรงในฮ่องกอง

 


ทั้งนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ปัญหาน่าจะเกิดจากตัวละครหมีพูห์ ที่ชาวเน็ตและกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านจีน มักใช้เป็นสัญลักษณ์ในการล้อเลียนประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

 


ทั้งนี้ มีม (meme) นี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2013 หลังจากมีคนเอาภาพที่ประธานาธิบดีสี เดินอยู่กับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ไปเทียบกับภาพของตัวการ์ตูนหมีพูห์และเสือทิกเกอร์ ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปราบปรามคนที่พาดพิงตัวละครหมีพูห์มาโดยตลอด

 


อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ภาพยนตร์เรื่อง คริสโตเฟอร์ โรบิน ซึ่งดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่องวินนี่ เดอะ พูห์ ถูกแบนในจีนเมื่อปี 2018 ด้วย