- 13 มี.ค. 2568
"ตั้ม" อดีตสามี CEO สาวคนดัง เปิดเบื้องหลังอดีตภรรยา รักกันมา 15 ปี ตั้งแต่มีแต่ตัว ขนาดเสื้อผ้ายังไม่มีซื้อใส่
ตามกันอย่างต่อเนื่องจากกรณีที่เพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" โพสต์เรื่องราวของอดีตสามีที่ออกมาแฉอดีตภรรยาซึ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ว่านอกใจไปมีความสัมพันธ์กับนักร้องดัง จนทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจหย่าร้าง โดยอดีตสามีเพิ่งทราบเรื่องทั้งหมดเมื่อเป็นข่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รายการโหนกระแสวันนี้ ซึ่งมี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้ดำเนินรายการที่จะซักถาม "ตั้ม" อดีตสามีของจ๊ะโอ๋ งามพริ้ง CEO สาวคนดัง มาร่วมพูดคุยในรายการ พร้อม ทนายชายพัฒน์ มาอธิบายในเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่ง "ตั้ม" อดีตสามี CEO สาวคนดัง มาเล่าเรื่องราวต่างๆ
เริ่มตั้งแต่ อดีตสามียังอ้างว่า ถูกหลอกให้เซ็นใบหย่า แต่ยังคงคบหากับอดีตภรรยา และทรัพย์สินที่หามาด้วยกันก็อยู่ในชื่อของอดีตภรรยา ซึ่ง "ตั้ม" อดีตสามี CEO สาวคนดังอ้างว่า อดีตภรรยานำไปประเคนให้นักร้องดัง อีกทั้งเขายังถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในบ้านทั้งที่บ้านหลังนั้นเป็นของเขาด้วย
ต่อมาเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" ได้อัปเดตฝั่งของฝ่ายหญิง ซึ่งก็คือ "จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง" CEO สาวคนดัง ที่โพสต์ว่า เธอได้เข้าแจ้งความกับอดีตสามีหลังจากที่เขาออกมาแฉเรื่องความสัมพันธ์รักร้าว พร้อมยืนยันว่า "ทำอะไรอย่าลืมคิดถึงลูก อย่าแค่สะใจ"
ขณะที่ เพจ "นิกกี้ขยี้ข่าว" ได้เผยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง "ตั้ม" และ "จ๊ะโอ๋" ซึ่งพูดคุยกันเกี่ยวกับการหาผู้หญิงให้ตั้ม โดยตั้มบอกว่าเรื่องนี้เป็นการพูดหยอกล้อแกมประชด แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคลิปที่บันทึกเมื่อปี 2566 จริงหรือไม่
ตั้มยังเล่าถึงความรู้สึกที่เสียใจอย่างมากเมื่อรู้ว่าจ๊ะโอ๋ไปแจ้งความจับเขา เขาบอกว่าเขารักลูกมาก และเสียใจที่ลูกต้องเห็นเหตุการณ์นี้ เพราะลูกเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของเขา
ในส่วนของการกล่าวหาว่าตั้มเข้าไปขโมยของหลังจากหย่าร้าง ตั้มยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เขาเข้าไปเอาของที่เป็นของเขาเอง ซึ่งเป็นพระเลี่ยมทอง ส่วนทรัพย์สินที่หามาด้วยกันนั้น เป็นชื่อของจ๊ะโอ๋ทั้งหมด ตนไม่เคยทักท้วงเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เพราะคิดว่าเป็นของใช้ร่วมกันในครอบครัว แต่พอถึงเวลาที่ต้องแยกทาง เขากลับถูกไล่ออกจากบ้านและไม่เหลืออะไรเลย
เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่จ๊ะโอ๋อ้างว่า ตั้มเคยเอาปืนจ่อหัวลูก ตั้มยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เขารักลูกมากและไม่เคยคิดทำร้ายลูกเลย
ทนายพัฒน์ ได้อธิบายมุมมองทางกฎหมายว่า ทรัพย์สินที่หามาด้วยกันในช่วงที่มีการจดทะเบียนสมรส ถือเป็นสินสมรส และต้องแบ่งกันครึ่งหนึ่ง ส่วนทรัพย์สินที่ได้มาในช่วงที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม ก็ต้องมีหลักฐานและการพิสูจน์ว่าทรัพย์สินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม และเวลาจะแบ่งก็จะต้องแบ่งตามสัดส่วน ไม่ใช่แบ่งครึ่งเหมือนสินสมรส
ช่วงตอนหนึ่ง "ตั้ม" อดีตสามี CEO สาวคนดัง เล่าถึงพื้นเพเบื้องหลังของ อดีตภรรยาว่า เธอเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลยมาตั้งแต่ต้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ก่อร่างสร้างตัวกันมาคือเป็นฝ่ายตั้มเองที่ลงทุนให้ทุกอย่าง ส่วนหน้าที่การทำงานของทั้งคู่ก็คือ ตั้ม จะเป็นคนลงแรง ส่วนฝ่ายหญิงจะเป็นทำคอนเทนต์ ค้าขาย แม้แต่เสื้อผ้ายังไม่มีเงินจะซื้อเลย
ตั้มยังเผยว่า "มันเจ็บนะ เราทำงานช่วยกัน จนมีทรัพย์สินหลายอย่าง แต่มันเป็นชื่อของอดีตภรรยาในส่วนนี้ตัวผมไม่ซีเรียสนะ เพราะเหมือนหามาก็มาเป็นของครอบครัว แต่ที่ไม่โอเคคือวันเลิกกัน ผมกับลูกไม่เหลืออะไรติดตัว แถมวันที่เข้าไปเอาของส่วนตัว ยังถูกแจ้งความว่าไปขโมยของอีก"
"ก็ดูสิครับเนี่ย เขาเรียกผมไปจุ๊บ ทำแบบนี้ตลอด ก็อยู่ด้วยกันมาตลอด 15 ปี ใช้ชีวิตด้วยกันมา สมบุกสมบันมาก ตั้งแต่ยังไม่มี เสื้อผ้าเขายังไม่มีซื้อใส่ รถก็ไม่มีใช้ ผมทำให้ทุกอย่าง จนเริ่มมี เริ่มอะไรกันมาเนี่ย ทำมาด้วยกัน ใจผมตอนนี้ผมเฉยๆ ที่ผ่านมา มันไม่เคย ทะเลาะกันนานขนาดนี้ ธรรมดาก็วันสองวัน แต่วันนี้แตกหัก ผมออกมาเป็นสิบวันแล้ว ผมนอนร้องไห้ทุกวัน เวลาลูกไลน์มา อยากให้มันกลับไปเป็นครอบครัว แต่มันแตกออกมาขนาดนี้แล้ว"
อย่างไรก็ตาม ช่วงตอนหนึ่งในรายการโหนกระแสนั้นทาง หนุ่ม กรรชัย ยังบอกอีกว่า นี่เป็นเพียงการพูดจากฝั่งเดียวคือ ตั้ม อดีตสามี ซึ่งถ้าจะให้ความเป็นธรรมกับอีกฝ่ายก็ต้องรอให้ทางนั้นออกมาชี้แจงด้วย ทั้งนี้ ทางหนุ่ม กรรชัย ยังได้ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทั้ง ตั้ม อดีตสามี และ นักร้องชาย น่าจะได้รับสารหรือข้อความคนละแบบ ทำให้เรื่องออกมาเป็นแบบนี้