อดีต ปธน.ศรีลังกา สู้ค่าใช้จ่ายในไทยไม่ไหว เริ่มร้องอยากกลับบ้าน

นายโกฐาภยะ ราชปักษา อดีตประธานาธิบดีศรีลังกา สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว เริ่มร้องอยากกลับบ้าน หลังหนีมาหลบอยู่ที่ประเทศไทย

อดีต ปธน.ศรีลังกา สู้ค่าใช้จ่ายในไทยไม่ไหว เริ่มร้องอยากกลับบ้าน หลังจากที่ นายโกฐาภยะ ราชปักษา อดีตประธานาธิบดีศรีลังกา ได้หนีมาหลบอยู่ที่ประเทศไทย ล่าสุดมีรายงานว่า เขาเริ่มร้องอยากกลับบ้าน เพราะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว แต่ก็ต้องทำใจยอมรับว่าตราบใดที่ยังไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยก็ยังไปไม่ได้ 

 

อดีต ปธน.ศรีลังกา สู้ค่าใช้จ่ายในไทยไม่ไหว เริ่มร้องอยากกลับบ้าน

โดยไม่ว่าการเดินทางมายังประเทศไทย ของนายโคฐาภยะ ราชปักษา อดีตประธานาธิบดีศรีลังกา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม จะเป็นแค่ "ทางผ่าน" หรือการ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" ไม่ได้อยู่ในแผนของการขอลี้ภัยแต่อย่างใด เพราะล่าสุดเขาร่ำร้องที่จะกลับบ้าน แต่ติดอยู่ที่ความกังวลเรื่อง "ความปลอดภัย" เท่านั้น แหล่งข่าวระบุว่า "ความปลอดภัย" เป็นปัจจัยหลักสำหรับนายราชปักษา ตั้งแต่แอบหนีขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศไปยังมัลดีฟส์ เลือกพักโรงแรมใกล้สนามบินเพื่อจะได้เดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ และย่องเงียบมายังประเทศไทย 

 


ตอนที่นายราชปักษามาก็มีเสียงเตือนจากนักวิชาการว่า การรับเขาก็อาจกลายเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับไทย โดยเฉพาะถ้ามีการขอให้ส่งตัวเขาในฐานะ "ผู้ร้ายข้ามแดน" ซึ่งสุดแท้แต่การตีความว่าเขาเป็น "อาชญากร" หรือไม่ แต่เอาเข้าจริงรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ ก็ยังคงเป็นพันธมิตรของเขา รวมทั้งประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเห ที่ชาวศรีลังกาจำต้องยอมรับ แม้จะมีเสียง "ยี้" ตามมา แต่ก็ไม่มีใครอีกแล้วเช่นกัน ที่จะมีศักยภาพพอที่จะเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ  (IMF) เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจของศรีลังกาที่อยู่ในภาวะ "ล้มละลาย" 

อดีต ปธน.ศรีลังกา สู้ค่าใช้จ่ายในไทยไม่ไหว เริ่มร้องอยากกลับบ้าน

 

การที่นายราชปักษาเดินทางมาไทยก็เพราะวีซ่าสิงคโปร์หมดแล้ว และแม้จะทำเรื่องขอต่อวีซ่าแต่ก็ได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมว่า ไม่ได้รับการอนุมัติ จึงต้องใช้ทางเลือกที่เรียกว่า "visa run" ซึ่งก็คือการเดินทางมาพำนักชั่วคราวที่ไทยก่อนกลับไปสิงคโปร์เพื่ออยู่ต่ออีก 30 วัน เพื่อใช้เวลาในช่วงนี้ทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมืองไปประเทศอื่น 


แต่เมื่อนายวิกรมสิงเหเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ดูเหมือนนายราชปักษาจะไม่อยากไปที่อื่นแล้ว นอกจากร้องจะกลับบ้าน ซึ่งตอนนี้พรรคโพดูจานา เปรามูนา (SLPP) ที่ได้ชื่อว่าเป็นของตระกูลราชปักษา กำลังเจรจากับรัฐบาลเรื่องการกลับบ้านของเขา โดยมีประเด็นที่ห่วงที่สุดคือ เรื่องของความปลอดภัย 


ตอนที่อาศัยในประเทศไทย ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขาอยู่ที่ไหน โรงแรมหรู หรือบ้านพักส่วนตัว แม้จะมีภาพที่เผยให้เห็นเขาไปช็อปปิ้งกับภรรยา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดบอกว่านายราชปักษาไม่อยากไปสิงคโปร์ ไม่อยากลี้ภัยไปประเทศอื่นแล้ว อยากตรงกลับบ้านเลย ส่วนเรื่องการพำนักในประเทศไทย แหล่งข่าวบอกว่านายราชปักษาเริ่มไม่ไหวกับค่าครองชีพที่นี่ และอยากเดินทางกลับบ้านให้เร็วที่สุด 

 

นอกจากนี้ แหล่งข่าวบอกด้วยว่า ตอนนี้ค่าใช้จ่ายของนายราชปักษาพุ่งทะลุหลายร้อยล้านรูปี เมื่อรวมค่าเครื่องบินส่วนตัว ค่าห้องพักหรูระดับ presidential suite และการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และเงินที่ใช้จ่ายบางส่วนก็มาจากผู้ที่สนับสนุนเขา

 

 

แต่แม้ว่าสื่อศรีลังกาจะรายงานว่า นายราชปักษาอาจกลับศรีลังกาวันที่ 24 สิงหาคม 2565 แต่แหล่งข่าวบอกว่ายังเร็วเกินไป เพราะยังมีการเจรจาระหว่างพรรค SLPP กับรัฐบาลในเรื่องของความปลอดภัยและข้อกังวลอื่น ๆ ต่อให้นายราชปักษาอยากกลับบ้านเพียงใด แต่เรื่องของความปลอดภัยก็สำคัญ โดยเฉพาะเมื่อหน่วยข่าวกรองแนะนำให้เขาชะลอการกลับเอาไว้ก่อน 


อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบายยังอุตส่าห์กลัวว่าเงินจะขาดมือ ในขณะที่เพื่อนร่วมชาติกว่า 20 ล้านคน เพิ่งจะเคยได้เห็นความเป็นอยู่แบบนี้ครั้งแรก ก็ตอนที่บุกทำเนียบประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม และยังคงใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้นต่อไป ในขณะที่รออนาคตด้วยความหวัง เมื่อรัฐบาลเจรจารอบใหม่กับเจ้าหน้าที่ IMF ระหว่างวันที่ 24-31 สิงหาคม

  อดีต ปธน.ศรีลังกา สู้ค่าใช้จ่ายในไทยไม่ไหว เริ่มร้องอยากกลับบ้าน

ภาพเพิ่มเติมที่ เนชั่นทันโลก NTV World News

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline