- 19 ก.พ. 2559
ติดตามข่าวสารได้ที่ http://www.tnews.co.th
รายการ "สถาพรถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ออกอากาศทางช่องทีนิวส์ ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร เกื้อสกุล (ถา) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัททีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
สนธิญาณ : สวัสดีครับท่านผู้ชมทุกท่าน อยากจะเรียนท่านผู้ชมว่าเห็นด้วยหรือไม่ อยากขอความเห็นผ่าน sms หน่อยครับ ต้อง sms ผ่านเลข 4678999 ความเห็นเรื่องควรจะปล่อยให้ คสช. ควรจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งในเรื่องปัญหาพระให้เรียบร้อยหรือไม่ หรือจะปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้ เพราะว่าในสถานการณ์ที่เป็นอยู่เนื่องจากว่ารัฐบาลก็พอจะเข้าใจได้อยู่ว่าเอาตัวตั้งมา ถ้าเรื่องข้างล่างยังไม่เรียบร้อยก็คงจะตั้งสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ไม่ได้ เพราะจะเป็นการละคายเคียงพระยุคลบาทและเรื่องที่เราจะต้องจัดการให้ลงตัว การตั้งเงื่อนไขแบบนี้ผมเรียนเลยว่าสมเด็จพระสังฆราชก็ยังตั้งไม่ได้เพราะว่าข้างล่างไม่มีทางที่จะเรียบร้อย ในแง่การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลก็มีคำตอบได้ว่ายังไม่ตั้งเพราะว่ายังไม่เรียบร้อย ก็ทำให้คนจำนวนหนึ่งอาจจะพอใจที่ยังไม่ตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ไม่นำเรื่องทูลเกล้าฯขึ้นไป แต่อีกฟากฝั่งหนึ่งเขาอยากให้เป็นและจะไม่มีการหยุดเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน จะกลายเป็นสถานการณ์ที่เราเรียกว่าคาราคาซัง แรงของการกดดันจะเกิดขึ้นทีนี้วันนี้เราต้องทำความเข้าใจว่าแม้เรื่องพระกับเรื่องการเมืองจะไม่เกี่ยวกัน แต่เผอิญว่ากลุ่มหรือคณะบุคคลที่เข้ามาเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มเดียวกัน จะไม่เอาไปโยงกันก็ไม่ได้ครับ ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนคุณทักษิณกับวัดพระธรรมกายก็เป็นหนึ่งเดียวกันช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเกื้อกูลซึ่งกันและกันก็ปรากฏภาพและพฤติกรรมต่าง ๆ อย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันระหว่างวัดพระธรรมกายกับสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันเพราะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ท่านเป็นคนพูดเองว่าวัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกายเป็นวัดพี่วัดน้องเพราะเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อแยกไม่ออกสภาวะการเคลื่อนไหวในการกดดันให้ตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นพระสังฆราชมีอย่างต่อเนื่องและหยุดไม่ได้ เพราะกำลังเงินและมวลชนความศรัทธาของวัดพระธรรมกายก็ไม่ธรรมดา บวกเข้ากับกลุ่มที่สนับสนุนคุณทักษิณเข้ามาสมทบเคลื่อนไหวเข้าไปเรื่องก็จะยืดยาวต่อไป และถ้าหากว่าทางฟากฝั่งกลุ่มเคลื่อนไหวของคุณทักษิณ กลุ่มที่วางแผนการเคลื่อนไหวอยู่ จะเอาสองเรื่องโยงเข้าหากันก็จะยิ่งลุกลามและบานปลายไป ต้องกลับมาดูสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เป็นจริงอีก พระเมธีธรรมจารย์ซึ่งได้จัดการชุมนุมที่พุทธมณฑลในวันก่อนต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอย่างแน่นอน นี่เป็นประเด็นใหญ่นะครับที่เตรียมค้างคาอยู่ ไม่ใช่หมายความว่าผมมาเรียนแบบนี้แล้วอยากให้ดำเนินคดีไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ว่าการชุมนุมที่พุทธมณฑลในวันนั้นไม่เหมือนกับการชุมนุมก่อนหน้านี้ เป็นเหมือนกันอย่างไรครับ การชุมนุมก่อนหน้านี้ไม่มีพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะ ก็มีการเขียนไว้ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกมาในการที่จะชุมนุมได้หากการชุมนุมนั้นเป็นไปเพื่อความสงบ ทีนี้ตอนนี้ไม่ได้หรอกครับใครจะมาชุมนุมไม่ได้ จะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองรับทราบเสียก่อนตามกฎหมายใหม่ คสช. เพิ่งออกมานะครับ เหตุผลก็ไม่ใช่เป็นการจำกัดสิทธิ์แต่ขอให้แจ้งจะได้เตรียมการรักษาความสงบให้เรียบร้อย มิเช่นนั้นจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดหรือการบาดเจ็บล้มตายที่จะแฝงอยู่ และนานาชาติก็ทำแบบนั้นทั้งสิ้น แม้แต่สหรัฐอเมริกาที่บอกว่าประชาธิปไตยที่บอกว่าชุมนุมต้องแจ้งเขา เพราะฉะนั้นการชุมนุมของพระเมธีธรรมาจารย์ในวันนั้นจึงผิด แม้จะอ้างว่าเป็นการสัมมนาแต่ปรากฏชัดเจนว่าเป็นการชุมนุมเป็นการเรียกร้องยื่น 5 ข้อ ซึ่งการสัมมนาจะมายื่น 5 ข้อได้อย่างไรครับ ทีนี้ก็แสดงว่าการกระทำความผิดกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้มีหน้าที่ไม่ดำเนินการก็ไม่ได้นะครับ ถ้าไม่ดำเนินการก็จะเกิดผลกระทบสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา157 เพราะไม่อย่างนั้นต่อไปคนก็จะออกมาชุมนุมจะเอาเรื่องนี้มาเป็นบรรทัดฐานว่าไม่เห็นต้องแจ้งเลย ก็สัมมนากันกลางสนามหลวง กลางอนุสาวรีย์ กลางท้องถิ่นอะไรก็ว่ากันไป หรือมาหลบมาอยู่บนสนามหลวง แต่ก็จะอ้างได้จากม็อบพระในครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินการและในขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วด้วยครับ ตำรวจกำลังจะเรียกพระเมธีธรรมาจารย์มาสอบ การที่ท่านจะมาสอบก็ต้องเห็นต่อไปว่าจะเกิดม็อบต่อต้านและม็อบขัดขวางตามมา เพราะว่าเมื่อมีข่าวนี้ออกมาจะมีการทำม็อบเหมือนกันนะครับ
สถาพร : ตอนนี้มีพระออกมาอยู่ที่พุทธมณฑลจำนวนหนึ่งแล้ว
สนธิญาณ : มาแล้วครับ แต่ว่าถูกสกัดกั้นไปจำนวนหนึ่ง ที่ข้ออ้างจะมาวันมาฆบูชา แต่ความจริงถูกการสกัดกั้นไว้แล้ว ก็จะได้เห็นภาพที่เรียงลำดับความให้ฟังว่า ไม่หยุดนิ่ง เรื่องแบบนี้ก็จะต่อเนื่องไป จังหวะนี้สกัด จังหวะนั้นออกมา เดี๋ยวต้องออกมาให้กำลังใจพระเมธีธรรมจารย์ ต้องให้กำลังใจสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เพราะว่าตำรวจหรือ DSI ต้องตามไปดูต่อว่าหลังจากที่ผลออกมาบอกว่ารถผิดกฎหมายผู้ครอบครองจะผิดหรือไม่ผิด ซึ่งผมเรียนย้ำว่าอย่าได้หมั่นไส้ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง โดยข้อเท็จจริงสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ท่านไม่มีเจตนาที่จะทำผิดกฎหมาย แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าแม้ไม่มีเจตนาแต่ถ้าครอบครองแล้วตามกฎหมายจะผิด เพราะว่าในกระบวนการถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล ถ้าข้อกฎหมายผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณา เราก็จะเห็นเยอะแยะว่าไม่มีเจตนาแต่เรารายงานข่าวแล้วเราโดนฟ้องหมิ่นประมาท เราไม่มีเจตนา แต่ศาลก็พิพากษาได้ว่าเราผิด เพราะเข้าเกณฑ์ว่าผิด เข้าองค์ประกอบว่าผิดแต่ศาลอาจจะรอลงอาญาเป็นแบบนั้นครับ เพราะฉะนั้นขบวนการในการที่จะเกิดม็อบของพระมีหลายเงื่อนไขมาเชื่อมโยง ม็อบตั้งสมเด็จพระสังฆราชเดิม ม็อบพระธัมมชโยซึ่งต้องข้อหาทั้งยักยอกที่ดินวัด ม็อบพระเมธีธรรมาจารย์ซึ่งจะถูกข้อหาโดยชุมนุมไม่ได้แจ้งฯ ม็อบของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ไม่ได้หมายความว่าท่านจัดนะครับ เดี๋ยวจะเกิดความเคลื่อนไหวอะไรแบบนี้ และจะไปสัมพันธ์กับม็อบทางการเมืองจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ ฉะนั้นเมื่อมาถึงจุดนี้ก็อยากจะเรียนกับ คสช. ว่าเรื่องสมเด็จพระสังฆราช ถ้าเป็นอะไรอย่างไรทำเสียให้ชัด เพราะว่าจะบอกว่าค้างคาไว้ชะลอไป สถานการณ์ดังกล่าวผมเรียนว่าจะต้องเดินไปโดยตลอด แต่ทำให้ชัดแล้วอาจจะได้เห็นหรือได้ข้อสรุปไปเลยว่าเรื่องราวจะออกไปอย่างไร หมายความว่ามาแบกรับเสียม็อบไหนจะเกิดขึ้นก็จะว่าไปตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งผมคิดว่า คสช.และรัฐบาลได้ดำเนินการมาโดยถูกตลอดดีอยู่แล้ว ก็สรุปเอาไว้แบบนี้ว่าอย่ารอ ไม่ต้องรอข้อสรุปเพราะว่าไม่มีทางเรียบร้อยอยู่แล้ว ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ถ้าบอกว่ารอให้เรียบร้อยข้างล่างก็จะเดินไปเรื่อย ๆ แล้วจะแปรเอาม็อบพระไปเชื่อมโยงกับม็อบการเมืองได้






