- 24 ก.พ. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม www.tnews.co.th
"รัฐบาล" เล็ง !! จัดระเบียบให้ทุนการศึกษา มุ่งพัฒนาชาติวางรากฐานประเทศ ชี้ ปัญหาหนีทุนเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เตือน มหาวิทยาลัยที่รับคนหนีทุนเข้าทำงาน ถือว่าชุบมือเปิบเอาเปรียบสังคมและไร้จรรยาบรรณ
วันนี้(24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแนวคิดจะปรับปรุงการให้ทุนการศึกษาทั้งระบบ โดยการขอความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เป็นแหล่งทุน พิจารณากำหนดสาขาที่จะให้ทุนให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ และสนับสนุนให้ผู้รับทุนกลับไปทำงานยังภูมิลำเนาของตน เพื่อช่วยพัฒนาท้องถิ่นและวางรากฐานประเทศไทยให้สามารถแข่งขันกับประชาคมโลกได้ พร้อมจัดระบบทบทวนวิธีการกำหนดสาขาที่จะให้ทุนให้มีความฉับไว เป็นปัจจุบันทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งติดตามประเมินผลให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษากลับมาได้ทำงานตรงตามสาขาที่มีความถนัด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศสูงสุด
"สำหรับประเด็นการหนีทุนการศึกษาจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะประเทศเสียหายทั้งในรูปของตัวเงิน ในรูปของเวลา รวมถึงการสูญเสียโอกาสในการพัฒนาชาติซึ่งแทบจะตีเป็นตัวเงินไม่ได้เลย
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกมหาวิทยาลัย ทุกหน่วยงานซึ่งเป็นผู้ให้ทุนจะต้องติดตามตรวจสอบทุกรายชื่อที่มีพฤติกรรมเช่นนี้และดำเนินการให้ถูกต้อง หากเรื่องใดติดขัดหรือยังไม่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนก็ควรหารือกับกระทรวงต้นสังกัด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติซึ่งจะปล่อยปละละเลยหรือเพิกเฉยมิได้"
พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า นอกจากการติดตามตรวจสอบผู้รับทุนซึ่งไม่ปฏิบัติตามระเบียบแล้ว สถาบันการศึกษา หน่วยงานองค์กรต่าง ๆ ที่รับบุคลากรเข้าทำงาน ควรมีการตรวจสอบประวัติอย่างถี่ถ้วน หากเห็นว่ายังติดทุนที่ใด หรือมีพฤติกรรมหลบหนีหลีกเลี่ยงการปฎิบัติตามสัญญา ก็ไม่ควรรับเข้ามาเป็นบุคลากรของตนเอง เพราะถือว่าเป็นผู้ขาดจริยธรรม หากองค์กรยังรับมาทำงานก็อาจถือว่าองค์กรนั้นขาดจริยธรรมและเอาเปรียบสังคมด้วย เพราะชุบมือเปิบได้คนมาทำงานโดยที่ไม่ต้องลงทุนใด ๆ
"ทั้งนี้ การหนีทุนการศึกษา เป็นเพียงปรากฏการณ์ของยอดภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งยังมีปัญหาอีกมากมายสะสมอยู่ที่อาจจะยังไม่ได้รับการเอ่ยถึง
ดังนั้น การแก้ไขเรื่องปัญหาการหนีทุนคงไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาการให้ทุนการศึกษาทั้งระบบ หรือช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศตามแนวทางที่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องดำเนินการหลายด้านควบคู่กัน ด้วยการจัดระเบียบการให้ทุนการศึกษาทั้งระบบ"