"ทูตเนเธอร์แลนด์" เข้าคารวะ "บิ๊กตู่" ในโอกาสรับตำแหน่ง พร้อมยินดีร่วมลงทุนด้าน "เศรษฐกิจ"

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม www.tnews.co.th

"เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์" ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่  พร้อมยินดีเข้าร่วมเป็นหุ่นส่วนด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย  ส่งเสริมความร่วมมือทุกหน่อยในประเทศไทย

วันนี้(25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เวลา 11.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกาเริล โยฮันเนิส ฮาร์โตค (H.E. Mr. Karel Johannes Hartogh) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี


พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้  ทั้งสองฝ่ายกล่าวยินดีที่ได้พบ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ และแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่

 

ความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทยและเนเธอร์แลนด์มีความสัมพันธ์ทางการทูตมายาวนานกว่า 400 ปี และมีพัฒนาการความร่วมมือที่โดดเด่น โดยเฉพาะในด้านการเกษตร เศรษฐกิจ การศึกษา และด้านการบริหารจัดการน้ำ โดยไทยพร้อมร่วมมืออย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกมิติ   ด้านพัฒนาการการเมืองของไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่น และยืนยันที่จะกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคง และสังคมที่มีความปรองดองและมีเสถียรภาพ โดยขณะนี้กำลังเดินหน้าตามแผนปฏิรูป (Roadmap) อย่างจริงจัง

 

ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่เนเธอร์แลนด์เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยมีบริษัทในไทยกว่า 300 บริษัท โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ไทยและเนเธอร์แลนด์มีศักยภาพที่สามารถส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น และหากเนเธอร์แลนด์ใช้ประโยชน์จากการที่ไทยตั้งอยู่ใจกลางของอาเซียน สามารถเป็นประตูสู่ตลาดอาเซียนจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในโอกาสนี้นากยรัฐมนตรียังได้กล่าวขอให้พิจารณาโอกาสในการลงทุนในนโยบายเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาลไทย เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในรูปแบบการลงทุนร่วมระหว่างรัฐกับเอกชน (Public-Private-Partnership - PPP) การจัดตั้ง IHQ และ ITC อาเซียนจะเป็นตลาดเศรษฐกิจใหม่ให้กับธุรกิจจากเนเธอร์แลนด์
 

ความร่วมมือด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเนเธอร์แลนด์ที่ให้ความร่วมมือในการพัฒนาความร่วมมือในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ไทยสามารถยกระดับขีดความสามารถด้านบุคลากร โดยเมื่อปี 2558 มีนักศึกษาไทยกว่า 60 คน เดินทางไปศึกษาต่อที่เนเธอร์แลนด์ ทั้งในระดับปริญญาตรีและโท นายกรัฐมนตรีหวังว่า ไทยและเนเธอร์แลนด์จะร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาของทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนสู่ประชาชนอีกทางหนึ่ง

 

ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเนเธอร์แลนด์สำหรับความร่วมมือ รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานไทยในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง โดยไทยให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นอันดับต้นๆ และมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปี 2558-2569 โดยขอเชิญชวนบริษัทต่างประเทศ รวมถึงบริษัทจากเนเธอร์แลนด์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำเตรียมความพร้อม เพื่อประมูลโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว

 

ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารถือเป็นอีกความร่วมมือหนึ่งที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพและขีดความสามารถในด้านนี้ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับเนเธอร์แลนด์ในการเป็นศูนย์กลางด้านอาหาร (food center) ของโลก
 

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ทราบว่า ไทยกับเนเธอร์แลนด์กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของความร่วมมือในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน). โดยได้จัดโครงการเดินทางไปศึกษาในสาขานี้ที่เนเธอร์แลนด์เมื่อปีที่ผ่านมา โดยสาขาที่มีศักยภาพจะร่วมมือกัน ได้แก่ การเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร และหวังว่าจะมีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้นี้