- 22 มี.ค. 2559
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
"นรชิต สิงหเสนี" ยืนยันกรธ.ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว เคาะส.ว.สรรหา 250 คน แบ่ง 50 คนมาจากสาขาวิชาชีพ 20 สาขา - เสนอชื่อนายกรัฐมนตรี 3 คนตามเดิม หากส.ส.ไม่สามารถเลือกได้ให้ประชุมร่วมกันระหว่างสภาและส.ว. มติขอยกเว้นเลือกนายกฯนอกบัญชี 3 คน ใช้เสียง 2 ใน 3 เพื่อเห็นด้วย - "6 ขรก.ประจำ" ยังอยู่ !! แต่ให้ส.ส.ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้เท่านั้น
วันนี้ (22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกรธ. แถลงผลการประชุมกรธ.ว่า ตามที่มีข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงบทเฉพาะกาลในร่างรัฐธรรมนูญจากแม่น้ำ 4 สายซึ่งส่งหนังสือมาให้กรธ.ประกอบการพิจารณานั้น ขณะนี้กรธ.ได้พิจารณาจนได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว โดยวิธีการได้มาซึ่งสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เอกสารที่ส่งมาระบุว่ามีผู้เสนอเป็นอันมากว่าควรใช้แบบบัตรเลือกตั้งจำนวน 2 ใบ รวมทั้งการกำหนดให้มีเขตเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งแนวทางนี้ไม่ได้เป็นข้อเสนอจากแม่น้ำ 4 สาย ดังนั้น กรธ. พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่สามารถเข้ากับหลักการที่กรธ.วางไว้ในร่างรัฐธรรมนูญได้ จึงยืนยันว่าเราจะใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว โดยส่วนนี้จะไม่มีการระบุไว้ในบทเฉพาะกาล ส่วนประเด็นที่มาของวุฒิสภา (ส.ว.) นั้น กรธ.พิจารณาแล้วเห็นว่า เราจะเขียนในบทเฉพาะกาล ให้ระยะแรกมี ส.ว.มาจากการสรรหา จำนวน 250 คนตามข้อเสนอแม่น้ำ 4 สาย แต่ขอให้จำนวน 50 คนจากทั้งหมด 250 คน สรรหาจากผู้ได้รับเลือกตามสาขาวิชาชีพ 20 สาขาวิชาชีพตามที่กรธ.กำหนดไว้เดิม โดยหลักการจะมีการเลือก โดยวิธีการสมัครเช่นเดิม ตั้งแต่ ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ เบื้องต้นมองไว้น่าจะมีประมาณ 231 คน จาก 77 จังหวัด และจาก 231 คน ก็ขอให้คณะกรรมการสรรหาประมาณ 7-8 คนเลือกจาก 231 คนให้เหลือ 50 คน กำหนดให้ส.ว. 6 คน สามารถเป็นข้าราชการประจำได้ โดยไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นผู้นำเหล่าทัพ ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวจะเป็นปลาน้ำเดียวกันจากคนที่มาจากการสรรหา รวมทั้งเป็นการทดลองวิธีการของกรธ.ว่าสามารถปฏิบัติได้โดยคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
นายนรชิต กล่าวต่อว่า ส่วนอำนาจของส.ว.ให้มีอำนาจตามปกติ บวกกับอำนาจที่แม่น้ำ 4 สายขออำนาจในการผลักดันกฎหมายปฏิรูป การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ รวมทั้งถ้าขัดกันระหว่างสภาผู้แทนกับวุฒิสภาในเรื่องกฎหมายปฏิรูป ก็ให้มีการพิจารณาในที่ประชุมร่วม ส่วนการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเราเขียนไว้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณา 2 สภาร่วมกันที่เรียกว่ารัฐสภา ส่วนการบริหารประเทศ ที่บอกว่าให้ส.ว.มีอำนาจขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ รวมทั้งลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทางกรธ.คิดว่าเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนมราษฎร จึงไม่ได้มีบทบัญญัตินี้ไว้ในบทเฉพาะกาล
นายนรชิต กล่าวต่อว่า ส่วนการให้พรรคการเมืองเสนอชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี 3 ชื่อ ทางแม่น้ำ 4 สายเสนอว่าขอให้ไม่ใช้บทบัญญัติที่ให้เสนอ 3 รายชื่อเป็นนายก กรธ.พิจารณาแล้วเห็นว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี ยังคงยืนยันในหลักการที่ให้พรรคการเมืองต้องเสนอชื่อว่าที่นายกฯจำนวน 3 คนตามเดิม แต่หากเกิดกรณีสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเลือกนายกฯได้ให้มีการประชุมรัฐสภา คือการประชุมร่วมกันของสภาและวุฒิสภา เพื่อขอยกเว้นการเลือกนายกฯนอกบัญชี 3 คน ซึ่งถ้ารัฐสภาโดยเสียงข้างมาก 2 ใน 3 เห็นด้วยก็ให้กระทำได้ สำหรับการเรียกประชุมรัฐสภาดังกล่าว ถ้ามีส.ส.เข้าชื่อกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสภาฯ ก็สามารถเรียกประชุมรัฐสภาได้ โดยมติที่จะขอยกเว้นการเลือกนายกฯนอกบัญชี ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 เห็นด้วย เมื่อได้รับการยกเว้น ตามมติของรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ดำเนินการเลือกนายกฯกันเอง โดยวุฒิสภามีบทบาทเพียงร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติการยกเว้นไม่ใช่ให้เลือกนายกฯมาจากนอกบัญชี 3 ชื่อได้






