ดิ้นพล่าน!!! "ตู่-สู้แล้วรวย" ออกโรงฉะ "ไพบูลย์-เสรี-วันชัย"  บอกพวกชอบคิดแผลงๆ ที่สำคัญไม่เคยผ่านเลือกตั้งเหมือน พท.

ติดตามข่าวสารที่ www.Tnew.co.th

 

ตามคาด!!! "ตู่-สู้แล้วรวย" ออกโรงจวก "ไพบูลย์-เสรี-วันชัย" ปมเสนอมหาดไทยคุมเลือกตั้ง บอกพวกนี้ไม่เคยผ่านเลือกตั้ง และคิดอะไรแผลงไปเรื่อย

 

 

วันนี้ (2 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ โดยพูดถึงแนวคิดที่ สปท. เสนอให้กระทรวงมหาดไทยคุมเลือกตั้งว่า องคาพยพที่เป็นบริวารฝ่ายอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคลื่อนไหวชี้นำให้ออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง เพื่อกำหนดโทษ หรือสกัดการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองทำได้ลำบาก เพราะต้องการเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้กับกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม หรือสนับสนุนคนบางคนได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกจากกระบวนการเลือกตั้ง เมื่อองคาพยพอย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสปช. นายเสรี สุวรรณภานนท์ สปท. และนายวันชัย สอนศิริ สปท. พวกนี้ต้องการให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ไม่ให้เหมือนการเลือกตั้ง ให้เป็นการเลือกตั้งภายใต้คณะรัฐประหาร มี คสช. คุมการเลือกตั้งทั้งหมด พวกบริวารอำนาจเหล่านี้จึงเสนอทฤษฎีแผลงๆ ให้หาเสียงแบบรถขายกับข้าว อีกทั้งยังเคยเสนอให้ผู้สมัครส.ส. ไม่ต้องให้เงินช่วยเหลือตามประเพณีงานบวช งานศพ หรืองานแต่งภายในเขตเลือกตั้งของตน ซึ่งเป็นการทำลายประเพณี ใครไปงานบวช งานแต่งไม่ใส่ซองบ้าง แต่ต้องการทำให้ผู้สมัครใจดำใส่ซองงานประเพณีใครไม่ได้


นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า นายไพบูลย์ เสนอให้ผู้สมัคร ส.ส. ไม่ต้องปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งเวทีการปราศรัยแทนผู้สมัคร จึงแสดงแนวคิดคนไม่เคยผ่านการเลือกตั้ง เพราะคนที่เสนอตัวให้ประชาชนเลือก ต้องกล้าไปพบประชาชนด้วยการปราศรัยให้ประชาชนรู้ถึงการจัดการบริหารเงินภาษีอากรของประชาชนอย่างไร และการปราศรัยหาเสียงเป็นการใช้งบประมาณน้อยที่สุดในการเลือกตั้ง รวมทั้งจะทำให้ผู้สมัครใหม่หรือเก่า มีความเท่าเทียมกัน แต่การเสนอของคนนี้ย้อนยุคไปถึงการเลือกตั้งปี 2495 ภายใต้อำนาจเผด็จการควบคุมเบ็ดเสร็จ ส่วนนายเสรี เสนอให้ยุบ กกต. จังหวัด แล้วให้กระทรวงมหาดไทย มาดูแลการเลือกตั้ง ส.ส. สภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น และการออกเสียงประชามติแทน โดยให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการทหาร ตำรวจ และข้าราชการอื่นๆ มาช่วยดูแลการเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นการเสนอแบบการทำประชามติที่ผ่านมา ที่ให้ศูนย์รักษาความสงบแห่งชาติ ของ คสช. จัดการความเรียบร้อยทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นายเสรี ต้องเข้าใจว่า เหตุที่มาของ กกต. นั้น เพราะเดิมการเลือกตั้งอยู่ภายใต้การดูแลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ประชาชนเกิดความสงสัย ไม่ไว้วางใจ เพราะไปเอื้อประโยชน์ให้รัฐบาลรักษาการได้เปรียบ โดยใช้กลไกหน่วยงานรัฐทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองอื่นๆ จนทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นกลาง เกิดความคลางแคลงใจของประชาชน รัฐธรรมนูญปี 2540 จึงตั้ง กกต. ที่เป็นองค์กรอิสระขึ้นมาดูแลจัดการเลือกตั้งแทนที่

 

 

“ถ้า คสช. ตั้งพรรค หรือแอบสนับสนุนใคร พรรคการเมืองใดแล้ว กลไกนี้จะเป็นปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หรือไม่เกิดก็ตาม ผมว่า มั่วหนัก ส่วนการแจ้งเบาะแสการซื้อเสียงได้เงิน 1 แสนบาทนั้น รวมทั้งการให้ทหาร ตำรวจ ลงพื้นที่จะทำให้การเลือกตั้งไม่แตกต่างจากให้ คสช. คุมการเลือกตั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ต้องเลือกตั้งเลย ก็อยู่กันไป เพราะเห็นชัดเจนแล้วว่า ถูกต้องข้อสงสัยการสืบทอดอำนาจ เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน หากไปไล่ล่าประกบติดผู้สมัครบางคน บางฝ่าย แล้วอำนวยความสะดวกให้อีกพวกหนึ่ง ย่อมแสดงถึงความต้องการอย่างไรได้ชัดเจน นอกจากนี้ องคาพยพบริวารอำนาจ อย่างนายวันชัย ยังมีข้อเสนอให้ออกกฎหมายคุมหัวหน้าพรรคการเมือง โดยใครซื้อเสียงติดคุก 10 ปี ส่วนหัวหน้าพรรคถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ความคิดแบบนี้เป็นพวกไม่เคยลงเลือกตั้ง แต่รอเป็นว่าที ส.ว. ดังนั้น สิ่งที่เสนอมาเป็นจุดอ่อนที่สุด เพราะการให้ผู้สมัครเขตทั้ง 350 เขต ถ้ามีการวางแผนตัวใส่ร้ายคนบางคนก็ยังล้มพรรคการเมืองมาแล้ว ตนเห็นว่า หากใครผิดต้องเป็นเรื่องของคนนั้นต้องรับผิดชอบ หัวหน้าพรรคจะไปรู้ได้อย่างไรใครทุจริตตรงไหนและ ขบวนการยัดเหยียดใส่ร้ายในช่วงเลือกตั้งมามากมาย” นายจตุพร กล่าว

 

 

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังระบุว่า การเสนอแนวคิดแบบนี้ของพวกบริวารอำนาจ เป็นการไปตัดสิทธิ์นักการเมืองใหม่ที่แทบไม่มีโอกาสไปพบประชาชน จึงเสียเปรียบนักการเมืองเก่าที่หลายคนที่เป็นบริวารการยึดอำนาจให้ คสช. สืบทอดได้อย่างไร และบางคนออกลายถึงจะสมัคร ส.ส. อีกด้วย อีกทั้งแนวความคิดบริวารเหล่านี้ ยิ่งไปซ้ำเติมให้รัฐธรรมนูญมีปัญหามากขึ้น เพราะที่มานายกรัฐมนตรีจะเป็นจากคนนอกหรือจากพรรคการเมือง ล้วนเกิดปัญหาอยู่แล้ว ถ้าได้นายกรัฐมนตรีคนนอก แต่ได้เสียงสนับสนุนไม่เกินครึ่ง ส.ส. ต้องเกิดปัญหาถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองก็ถูกองค์กรอิสระเล่นงาน อีกทั้งพวกองคาพยพ คสช. ก็เริ่มมาทำลายบรรยากาศการเลือกตั้งเสียอีก โดยเสนอให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ได้ เมื่อคนคุมหน่วยงานรัฐคือ คสช. ถ้าต้องการปฏิรูปการเมืองจริง ต้องให้เสรีภาพกับประชาชน ต้องให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้ไปเลือกตั้งได้มีโอกาสรับรู้และคนสมัครต้องมีโอกาสกระจายเจตนารมณ์ของตนเอง ประชาชนผู้เลือกตั้งต้องมีโอกาสฟังความทุกฝ่าย และการใช้เงินหาเสียงที่น้อยที่สุดคือ การพูด เพราะไม่ต้องใช้งบประมาณ บ้านเมืองควรใช้หลักประชาธิปไตยที่ถูกต้องภายใต้การตัดสินใจของประชาชน กลไกทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างยุติธรรม หากยังหาทางชนะด้วยการเอารัดเอาเปรียบกันแล้ว สุดท้ายจะมีแต่ปัญหาวิกฤติ และประเทศย่อมเกิดความเสียหายหนักหน่วงยิ่งขึ้น