- 02 ต.ค. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ ( 2 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และผู้อำนวยสถาบันปฏิรูปประเทศไทย ได้กล่าวว่าถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าหากรัฐสภาตกลงเรื่องคนจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ จนเวลายืดออกไปคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีอำนาจสั่งยุบสภาได้นั้น ว่า ตนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดกรณีที่ คสช.ต้องใช้มาตรา 44 ยุบสภา หากรัฐสภาเลือกนายกฯ ไม่ได้ภายใน 6 เดือน ที่สำคัญคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคำถามพ่วง ก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว กรณีเลือกนายกฯ จากบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอไม่ได้ ก็เพิ่มบทบาท ส.ว.สรรหา เข้ามาปลดล็อคอีกทางหนึ่งอยู่แล้ว
หรือถ้าสุดท้ายแล้วรัฐสภาเลือกนายกฯ ไม่ได้จริงๆ ก็ยังมีมาตรา 5 ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ ที่ระบุในวรรคสาม ว่า "เมื่อมีกรณีตามวรรคสองเกิดขึ้น ให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญจัดให้มีการประชุมร่วมระหว่างประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานองค์กรอิสระเพื่อวินิจฉัย" ซึ่งเป็นการนำมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 และฉบับก่อนหน้านี้ มาขยายเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในแนวปฏิบัติและเป็นการผ่าทางตันการเมืองไทย ซึ่งมีเหตุเกิดขึ้นบ่อยในช่วงหลังๆ จนนำไปสู่สิกฤติและเกิดการรัฐประหารที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถึงขั้นใช้คำสั่ง คสช.มาตรา 44 ยุบสภาทิ้งไป ทั้งๆ ที่ประชาชนเพิ่งเลือกตั้งมา
" ผมเลยไม่ทราบเหมือนกันว่าที่คุณวิษณุ รองนายกฯ มาเปิดประเด็นนี้เพื่อส่งสัญญานหรือไปเบี่ยงเบนเรื่องอะไรกัน แต่อำนาจตาม มาตรา 44 ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนถึงขนาดนั้น ถ้าจะบอกว่าเพื่อบีบให้พรรคการเมืองใหญ่จับมือกันก็เป็นเรื่องยาก ฝืนธรรมชาติและความรู้สึกของประชาชน แทบไม่มีโอกาส เพราะตัวแปรทางการเมือง หากเกิดกรณีเลือกนายกฯ จากบัญชีพรรคการเมืองไม่ได้ เชื่อว่าพรรคที่ 3 จะจับมือกับ สว.เสนอนายกฯ คนนอก แน่นอน และโดยสถานการณ์สังคมการเมืองในขณะนี้ ก็เร็วเกินไปที่จะคาดการณ์การเมืองไทยในอนาคต 1 - 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการเมืองช่วงเปลี่ยนผ่านไม่มีอะไรแน่นอน แม้แต่การเลือกตั้งเองก็ตาม ยังไม่มีใครกล้ายืนยันช่วงเวลาที่แน่นอน" นายสุริยะใส กล่าว