"กรรม"จ่อคอหอยจริงๆแล้ว! "อ้ายปึ้ง"ลากสังขารขึ้นศาล ปมคืน"พาสปอร์ตนายใหญ่" มิชอบ หลังเคยแถสุดกู่"ข้าทำได้" สุดท้ายหากผิดจริงถึงขั้น"นอนคุก"

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews

 

"กรรม"จ่อคอหอยจริงๆแล้ว!! "อ้ายปึ้ง" ลากสังขารเดิน 3 ขาโดยมีไม้เท้าค้ำยันขึ้นศาลนักการเมือง ปมคืน "พาสปอร์ตนายใหญ่" มิชอบ หลังเจ้าตัวเคยโต้เดือดกระทู้สดกลางสภา แบบสุดแถว่าทำได้...โดยอ้างอำนาจ รมว.ต่างประเทศที่ตนเป็นอยู่ ไม่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมเป็นพิษภัยต่อประเทศตรงไหน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้เจ้าตัวลากสังขารมาขึ้นศาลนักการเมืองดังกล่าว และดูท่าว่าจากนี้หนทางดูจะยิ่งมืดมน เพราะประพฤติมิชอบ 157 นี่ สุดท้ายหากศาลตัดสินผิดจริง ต้องระเห็จไป "นอนคุก" สถานเดียวน่ะพี่น้อง


หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ ชี้มูลความผิดทางอาญา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีคืนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลปู 1 เมื่อปี 2554 ว่าอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ได้ยื่นสำนวนฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา และศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำ อม.51/2560 และนัดสอบคำให้การนายสุรพงษ์ จำเลย ในวันที่ 15 มิ.ย. (วันนี้) และล่าสุดนายสุรพงศ์ ก็ปรากฏตัวที่ศาล ตามที่ปรากฏเป็นข่าว

 แม้เจ้าตัวจะยังไม่ปริปากชี้แจงใด ๆ กับสื่อต่อกรณีนี้มากนัก และที่ผ่านมาก็มักจะนิ่งเงียบมาตลอด แต่หากมองย้อนไปในช่วงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ครองอำนาจ และตัวเขาเป็น รมว.ต่างประเทศ สุรพงศ์ ถือว่าเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน และสายล่อฟ้าชั้นดีให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทีเดียว เพราะก่อนหน้าแม้จะมีรัฐบาลนอมินีของทักษิณขึ้นมาเป็นใหญ่ถึง 2 รัฐบาลทั้งสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และสมัคร สุนทรเวช แต่ก็ไม่เคยมี รมว.ต่างประเทศคนไหนกล้าเสี่ยงคืนพาสปอร์ตให้ทักษิณ ที่เป็นนักโทษหนีคดีอาญา

 

ต่างกับนายสุรพงศ์ที่ไม่สนใจความถูกผิด แถมโต้แย้งสังคมแบบคอเป็นเอ็นว่า...เรื่องนี้ทำได้...เพราะข้าคือรัฐมนตรีต่างประเทศ ดังที่เขาออกมาโต้แย้งกระทู้สดที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งกลางสภาถึงกรณีนี้ว่า เมื่อตนเข้ามาทำหน้าที่ รมว. ต่างประเทศ และได้พิจารณาตามข้อ 23(7) ซึ่งไม่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมเป็นพิษภัยต่อประเทศ จึงสั่งยกเลิกการเพิกถอนพาสปอร์ตของนายทักษิณ หลังรัฐบาลอภิสิทธิ์สั่งยกเลิกไป จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของกรมการกงสุลที่ทำเรื่องการออกหนังสือเดินทางให้ต่อไป 

 

นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ ยังระบุด้วยว่า ตนเข้ามาทำหน้าที่นี้ แต่ไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่ติดตามล่าใคร โดยเฉพาะเรื่องการออกหมายจับจากตำรวจสากล กรณีนี้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีหมายจับที่ออกโดยตำรวจสากล ส่วนที่ถามถึงการที่ พ.ต.ท. ทักษิณ (ขณะนั้นยุงไม่ถูกถอดยศ) มีหมายจับแล้วกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางให้ได้อย่างไรนั้น กรมสนธิสัญญาและกฎหมายอธิบายว่ากรณีพ.ต.ท.ทักษิณ แม้มีหมายจับออกมาจริง แต่ไม่เข้าข่ายการระงับการออกหนังสือเดินทางตามระเบียบข้อ 21(2) เนื่องจากไม่ครบองค์ประกอบที่กระทรวงการต่างประเทศจะระงับการออกหนังสือเดินทาง 

 

"แม้มีหมายจับออกมาจริง แต่ไม่เข้าข่ายการระงับการออกหนังสือเดินทาง เนื่องจากไม่ครบองค์ประกอบ" นายสุรพงศ์ อ้าง

 

คำกล่าวอ้างของนายสุรพงศ์ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างอึ้งอึง ถึงจริยธรรมของนักการเมือง (ซึ่งไม่เคยมีอยู่จริง) เพราะคำพูดของเขาท้าทายสังคมอย่างยิ่ง แต่ทว่าในส่วนของพรรคเพื่อไทย เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ปรับ ครม. เขากลับได้รับการปูนบำเหน็จขึ้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง ก่อนจะโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งระหว่างรักษาการ หลังรัฐบาลนารีปูทานกระแสขับไล่จาก มวลชน กปปส. ไม่ไหว ต้องประกาศยุบสภาเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2556 (ก่อนเกิดรัฐประหารจาก คสช. 6 เดือน)

จากนั้นข่าวคราวของนายสุรพงศ์ ก็เงียบหายไปตามลำดับ มีบ้างที่ออกมารับลูกกับก๊วนเพื่อไทย เพื่อโจมตี คสช.เมื่อมีโอกาส แต่ความห้าวหาญดุดันแบบครั้งที่ตัวเองเป็นใหญ่แทบไม่เหลืออีกแล้ว ล่าสุดเมื่อต้องพาตัวเองขึ้นศาลฯ นักการเมือง ด้วยข้อหาประพฤติมิชอบ มาตรา 157 ซึ่งสุดท้ายหากศาลตัดสินว่าผิดจริง ต้องระเห็จไป "นอนคุก" จริง ๆ นั้น ชีวิตอาจไม่โสภาเท่าไหร่ใน...วัยชรา