“ทองคำมีค่าน้อยยิ่งกว่าก้อนดิน” ความสมถะไม่สะสมของสมเด็จพระสังฆราช แม้“ในหลวงร.5”ยังทรงสละทองคำประดับพระวรกายนำสละออกจากตน???

http://deeps.tnews.co.th

จากกรณีที่ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลง ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะพุทธบริษัทวัดป่ามณีกาญจน์เฝ้า ถวายพระพุทธรูปปางถวายเนตร เนื่องในโอกาสที่จะทรงเจริญพระชนมายุ ๙๐ พรรษา ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐

การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า

“ดังที่เคยปรารภไปแล้วเมื่อวันที่ได้ไปทำพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า เราทั้งหลายผู้เป็นสมาชิกพุทธบริษัท มีหน้าที่ที่จะต้อง 'สร้างพระไว้ในจิตในใจตน' อยู่ทุกลมหายใจ

พระพุทธรูปที่เป็นปูชนียวัตถุให้เรากราบไหว้บูชานั้น เป็นเสมือนดั่งสถานีแห่งอนุสติ ที่จะยกน้ำใจของเรา ให้น้อมเข้าระลึกถึง 'พระพุทธคุณ' อยู่เป็นอารมณ์ ให้เสมือนว่าพระพุทธองค์เสด็จมาประทับอยู่จำเพาะตรงหน้า เพื่อเราทุกคน ได้มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป มีความยับยั้งชั่งใจ ข่มใจ เพียรละเว้นบาปอกุศลทุกชนิดที่ปรากฏขึ้นในจิตใจ ไม่ให้ความชั่วทั้งปวงปรากฏแสดงออกมา ไม่ว่าทางกาย วาจา และแม้ที่สุดคือในทางใจ ให้มีความสามารถในการแผดเผากิเลสจนมอดไหม้หมดสิ้นเชื้อไปไม่เหลือแม้แต่ธุลี

“ทองคำมีค่าน้อยยิ่งกว่าก้อนดิน” ความสมถะไม่สะสมของสมเด็จพระสังฆราช แม้“ในหลวงร.5”ยังทรงสละทองคำประดับพระวรกายนำสละออกจากตน???

'ทองคำ' นั้นอาจเป็นเครื่องกวนกิเลสให้ฟุ้งขึ้นในใจ เพราะโลกนิยมว่าทองคำเป็นวัสดุมีค่า สามารถใช้ทำเป็นอาภรณ์ประดับประดาได้ ก่อให้เกิดความผูกติด ลุ่มหลง และจับยึดในค่าของทอง อาจทำใจให้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมในทางโลกียะโดยง่าย แต่บุคคลผู้ฉลาดอาจใช้ทองคำนั้น แปรเป็นโลกุตตรกุศล นำสละออกจากตน สร้างเป็นสมบัติไว้ในพระศาสนา

ดูดั่งตัวอย่างเช่น 'พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว' ทรงสละทองคำที่ใช้ประดับพระวรกายเมื่อทรงพระเยาว์มาหลอมกะไหล่องค์พระพุทธปฏิมาประธาน ในพระอุโบสถวัดราชบพิธแห่งนี้ จนมีพระรัศมีงดงามแผ่ซ่านจากพระวรกาย สมพระนามว่า 'พระพุทธอังคีรส'

“ทองคำมีค่าน้อยยิ่งกว่าก้อนดิน” ความสมถะไม่สะสมของสมเด็จพระสังฆราช แม้“ในหลวงร.5”ยังทรงสละทองคำประดับพระวรกายนำสละออกจากตน???

อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นทองคำหรือก้อนดิน ก็ล้วนแต่เป็น 'ปถวีธาตุ' ทั้งสิ้น เนื้อแท้ของความเป็นพระพุทธรูป คือความงดงามในจิตใจของบุคคลผู้ได้กราบไหว้บูชา หากท่านกราบไหว้แล้วน้อมนำใจให้ระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้า ก่อให้เกิดกำลังใจในการปฏิบัติบำเพ็ญธรรม ก้อนดินที่ปั้นเป็นพระนั้นก็มีค่าดั่งทอง แต่หากแลเห็นพระทอง แล้วยังกลับทำใจให้มัวเมาด้วยกิเลสอาสวะ เกิดความเร่าร้อนด้วยโลภะ โทสะ และโมหะ ทองคำนั้นก็มีค่าน้อยยิ่งกว่าก้อนดิน

​เพราะฉะนั้น จึงขอท่านทั้งหลาย จงมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสรณะนำทางชีวิตอยู่ทุกขณะจิต ขอให้ท่านทั้งหลายจงถึงพร้อมด้วยสัมมาทิฐิ และขอทุกท่านจงประสบความเจริญงอกงามในธรรม ด้วยผลแห่งธัมมานุธัมมปฏิบัติ ที่ท่านทั้งหลายได้บำเพ็ญด้วยดีแล้ว ทั้งกาย วาจา และใจ"

“ทองคำมีค่าน้อยยิ่งกว่าก้อนดิน” ความสมถะไม่สะสมของสมเด็จพระสังฆราช แม้“ในหลวงร.5”ยังทรงสละทองคำประดับพระวรกายนำสละออกจากตน???

 

 

 

ขอบคุณภาพ:เว็บไซต์วัดป่ามณีกาญจน์

ข้อมูลโดย : สำนักงานสมเด็จพระสังฆราช