เผยหลักฐาน"ก.ศึกษาจ้องตัดงบฯ "ร.ร.วิถีพุทธ-โครงการเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" หึ่ง!! ตั้งธงยุย บีบทางอ้อมเลิกหน่วยงานที่รับผิดชอบ!!

จากกระแสข่าวมาว่า "กระทรวงศึกษาธิการ" จ้องจะตัดงบประมาณ โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ และโครงการ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ที่ทำต่อเนื่องมาหลายปี ล่าสุดการโฆษกกระทรวงศึกษาก็ได้ออกมาตอบโต้ข่าว

ต่อมาคุณ วิรังรอง ทัพพะรังสี อดีต นิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) ผู้เปิดประเด็นในเรื่องกล่าว ก็ได้ออกมาความคิดเห็นอีกครั้งหนึ่ง  ระบุว่า...

 

ปุกาด ปุกาด สำเร็จแล้วค่ะ ได้งบฯมา ๑๙.๙ ล้านบาทแค่ชั่วข้ามคืนที่โพสไป ล่าสุด"โฆษก ศธ. "พะโยม ชิณวงศ์" ยืนยัน สพฐ. ไม่มีการตัดงบโรงเรียนวิถีพุทธ ตามที่ประธานกลุ่มปฏิรูปการศึกษา เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) กล่าว โดยย้ำว่า ศธ.ให้ความสำคัญเรื่องคุณธรรมจริยธรรม และปีนี้ยังได้เพิ่มงบเป็น 19 ล้านบาท จากเดิมได้รับ 8 ล้านบาท" http://www.moe.go.th/websm/2017/oct/562.html

น่าจะจบ แต่ยังไม่จบ...สไตล์วิรังรองค่ะ... คือต้องให้ชัดเจน จึงจะขออธิบายรายละเอียด เพื่อตอบแทนน้ำใจท่านทั้งหลายที่ช่วยไลค์ ช่วยแชร์ ตลอดจนสำนักข่าวต่างๆ ที่นำไปเสนอข่าว โดยจะบอกที่มาของ ๑๙.๙ ล้านบาทว่าลอยข้ามคืนมาได้อย่างไร เชื่อว่าหลายท่านอยากทราบเพราะเกี่ยวกับเงินภาษีของพวกเรา และหากที่ดิฉันจะกล่าวต่อไปนี้เป็นเรื่องที่คลาดเคลื่อนไม่เป็นความจริง ดิฉันก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่งและจะรอฟัง ถ้า โฆษก ศธ. "พะโยม ชิณวงศ์" จะออกมาอธิบาย แต่ขอเรียนว่า ดิฉันมีข้อมูลงบประมาณการดำเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธ สพฐ. ฉบับล่าสุด อยู่ในมือนะคะ ซึ่งข้อมูลที่อยู่ในมือนี้ อัพทูเดท เป็นปัจจุบันถึงปี ๒๕๖๐ กล่าวคือข้อมูลถึงช่วงที่ได้มีการตัดงบภายในนั้นแหละค่ะ ซึ่งในเว๊ปไซต์ของศธ.ที่คุณโฆษก แนะนำให้สาธารณะชนไปอ่านโครงการวิถีพุทธน่ะ ยังมีข้อมูลไม่เท่าที่ดิฉันมีค่ะทั้งจำนวนโรงเรียนที่ลงทะเบียนและผลงานของโครงการ ว่าแล้วก็ขอให้ช่วยอัพเดทเว็ปไซต์ด้วย ไหนๆ ก็ออกมาประชาสัมพันธ์เว็ปไซต์เพื่อโชว์ผลงานด้วยตัวเองซะขนาดนี้แล้ว ตั้งแต่ข้อมูลหน้าแรกด้านล่าง กดเข้าไปดูก็ระบุจำนวนโรงเรียนวิถีพุทธไว้แค่เดือนมีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนเนื้อในด้านบนก็ไม่ตรงกันคือมีแค่ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ผ่านไปสองปีกว่าแล้วยังไม่มีการอัพเดทเลยค่ะ แต่ส่วนที่ดิฉันมีคือจำนวนโรงเรียนสรุป ณ เดือนตุลาคม ของปีดังกล่าว จนถึงปี ๒๕๖๐ ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณปีที่ผ่านมาจนถึงปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ค่ะ
เรื่องที่ดิฉันโพสเมื่อวานนี้ ๓๐ ต.ค. ๒๕๖๐ ไปเร็วมากจริงๆ ค่ะ เมื่อเช้าตรู่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ของวันที่ ๓๑ ต.ค. ดิฉันก็ได้ทราบว่าท่านเลขา รมว. ศธ.ทราบเรื่องแล้ว และมีกระแสข่าวออกมาด้วยว่า...มีความเคลื่อนไหวว่า.... "จะแก้ข่าวอย่างไรดี”...
เรื่องนี้ก็ยากอยู่สักหน่อยนะคะที่จะ “แก้ข่าว” เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว สิ่งที่กระทรวงศึกษาฯ ควรทำคือ "ควรแก้ไข..ไม่ใช่แก้ข่าว” เพราะข้อมูลที่ดิฉันได้โพสไปคือความจริงว่ามีความพยายามบีบตัดงบฯ กันเป็นการภายใน ดังนั้น จะแก้ข่าวกันอย่างไร ก็คงคิดกันอยู่หลายชม. และผลที่ออกมาคือ "จำต้องแก้ไข...เพื่อแก้ข่าว” ค่ะ

 

ช่วงหัวค่ำของคืนวันที่ ๓๑ ต.ค. ดิฉันจึงมีความยินดีที่ได้ทราบว่า โฆษก ศธ. "พะโยม ชิณวงศ์" ได้ออกมาให้ข่าว (เห็นใบหน้าคุณพะโยมในข่าวแล้ว ดูจะเครียดจัดมากราวกับนักรบจะออกสู้ศัตรู นักข่าวน่าจะใช้รูปอื่นที่ดูสง่าผ่าเผยแต่ผ่อนคลายหน่อย หรือนี้คือสภาพปกติของคุณโฆษก แต่หากต้องเครียดเพราะเรื่องที่ดิฉันโพสไปนั้น ก็ขออภัยท่าน มา ณ ที่นี้ค่ะ) ยืนยันว่า สพฐ. นอกจากจะไม่ตัดงบโรงเรียนวิถีพุทธแล้ว ยังกลับพิ่มงบฯให้เป็น ๑๙ ล้านบาท จากเดิมได้รับ ๘ ล้านบาท และยังได้พาดพิงที่ดิฉันโพสไปว่า "ไม่มีการตัดงบโรงเรียนวิถีพุทธ ตามที่ประธานกลุ่มปฏิรูปการศึกษา เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) กล่าว” เมื่อท่านพาดพิงมาทำให้อาจมีผู้เข้าใจผิดว่าดิฉันนำเรื่องเท็จมาสู่สาธารณะ ดิฉันก็ขอโอกาสชี้แจงดังนี้ค่ะ
จริงอยู่ ณ บัดนี้คุณโฆษก ออกมาบอกว่าไม่มีการตัดงบดังกล่าว แต่คุณโฆษกจะตอบสาธารณะชนได้อย่างเต็มปากด้วยความสุจริตใจได้หรือไม่ว่า หากดิฉันมิได้โพสเรื่องนี้และถ้าสำนักข่าวมิได้นำเรื่องนี้ไปนำเสนอต่อ โรงเรียนวิถีพุทธจะได้รับงบในปี ๖๑ จากที่ถูกตัดเหลือ ๒.๓ ล้าน เป็น ๑๙.๙ ล้านบาท ดังที่คุณโฆษกเพิ่งประกาศ ดิฉันมีข้อมูลอยู่คือ ๑๙.๙ ล้านบาท ไม่ใช่ ๑๙ ล้านบาทดังที่คุณโฆษกประกาศด้วยซ้ำค่ะ นี้ย่อมแปลว่าดิฉันมีข้อมูลจริง!!!! (ใส่เครื่องหมายตกใจให้คุณโฆษก เพราะก็น่าตกใจอยู่หรอกว่าคนนอกทราบข้อมูลได้ถึงขนาดนี้)
ไหนๆ ก็ไหนๆ ดิฉันขอเรียนถามคุณโฆษก หรือจะว่าไป น่าจะถามไปถึงนพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมต. ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มากกว่า เป็นข้อๆ ๖ ประเด็น ดังนี้ค่ะ
๑. จริงอยู่ที่ว่าปีนี้มีตัวเลขการจัดสรรงบประมาณ ๑๙.๙ ล้านบาท แต่เป็นความจริงหรือไม่ที่ว่าในที่ประชุม สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา(สนก.) ได้สรุปว่า งบฯ ๑๙.๙ ล้านบาทนี้เป็นแค่ตัวเลข แต่เม็ดเงินให้โรงเรียนวิถีพุธใช้ได้เพียง ๒,๓๙๑,๐๖๐ บาท ย้ำอีกทีว่าเฉลี่ยโรงเรียนละ ๑๐๐ บาทต่อปี (ภาพประกอบ: เอกสารการจัดสรรงบประมาณด้านการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม รร. สังกัด สพฐ. ปี ๒๕๖๑) และตัดงบฯ ๑๕ ล้านบาท เข้ากองกลาง สพฐ.
แต่เมื่อดิฉันนำเรื่องนี้มาโพสและเป็นข่าวขึ้นมา จึงได้มีการโยกงบฯ ๑๙.๙ ล้านบาททั้งหมดกลับคืนมาให้กับโรงเรียนวิถีพุทธเพื่อแก้ข่าวว่าที่ดิฉันออกมานำเสนอนั้นไม่เป็นความจริง หรือถ้ามองในแง่ดี คือ ดิฉันมองว่า "เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดหลังมีข่าวออกไปสู่สาธารณะ"

๒. ดิฉันคิดว่า การตัดงบให้แค่สองล้านบาทก่อนหน้านี้นั้น ก็คงทราบอยู่กับใจว่ามันน่าเกลียดที่สุด จึงได้มีการระบุไว้พอให้ดูว่า ศธ. มิได้ทอดทิ้งเรื่องคุณธรรม โดยเขียนเป็นติ่งไว้ว่า "งบประมาณในส่วนการเสริมสร้างคุณธรรมในภาพรวมของสพฐ. ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ มิได้ลดลง หากแต่การพิจารณาจัดสรรให้กับโครงการโรงเรียนวิถีพุทธลดลง” 

เออ!!! แล้วทำไมงบโรงเรียนวิถีพุทธจะต้องลดลงคะ จากที่ปี ๒๕๕๔ เคยได้รับถึง ๒๐๐ กว่าล้านบาท และทั้งที่ไม่นานนี้คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา สปท. มีรายงานเรื่อง "การจัดการศึกษาวิถีพุทธเพื่อการปฏิรูปการศึกษา” ซึ่งผ่านสภาแล้ว เสนอครม. ผ่านครม. เรียบร้อยแล้ว ครม. ได้ส่งให้ ศธ. เพื่อดำเนินการต่อแล้ว ทั้งสำนักนายกเคยมีหนังสือทวงถามความคืบหน้าด้วยซ้ำ
คำถามข้อ ๒ ของดิฉันคือ ท่านรมว.ศธ. ได้รับรายงานดังกล่าวนี้หรือยังคะ และถ้าได้รับแล้ว ได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว

 

๓. ถ้าท่านรมว.ศธ. ได้รับรายงานในข้อ ๒ ดังกล่าวแล้ว ดิฉันขอทราบเหตุผลที่โรงเรียนวิถีพุทธซึ่งถือเป็นนโยบายปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลและสอดคล้องกับบทบัญญัติ ม. ๖๗ ในรัฐธรรมนูญ ได้รับงบเพียง ๑๙.๙ ล้านบาทในปีงบประมาณหน้า (จะไม่พูดเรื่องในอดีตที่เคยพยายามบีบตัดเหลือ ๒.๓ ล้านบาทอีก เพราะถือว่าจบไปแล้วค่ะ) ในขณะที่สพฐ. จัดสรรงบฯ ส่งเสริมโรงเรียนคุณธรรมร่วม ๒๐๐ ล้านบาท

๔. ต่อเนื่องจากข้อ ๓ ค่ะ ขออธิบายให้ท่านผู้อ่านเข้าใจว่า โครงการโรงเรียนคุณธรรม และโครงการโรงเรียนวิถีพุทธนั้น เป็นคนละโครงการกัน โดยโรงเรียนวิถีพุทธนั้น เน้นการจัดการศึกษาวิถีพุทธในครอบครัว ชุมชน โรงเรียน วัด ( บ ว ร คือบ้าน วัด โรงเรียน) ผ่านวิถีวัฒนธรรมเพื่อสร้างคนดี มีปัญญา มีวินัย เชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติให้สมกับวัย โดยมีพระเดชพระคุณ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เป็นประธาน ที่ผ่านมาได้พัฒนานักเรียน แต่ในส่วนของคุณครูซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการยังไม่มีโอกาสที่จะพัฒนา เนื่องจากไม่มีงบประมาณ และขาดผู้ที่จะจัดการ

ส่วนโรงเรียนคุณธรรมที่ศธ. ทำอยู่นั้น เน้นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ความกตัญญู สำนึกบุญคุณ ดังที่คุณโฆษก ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ศธ. มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องคุณธรรม จริยธรรม เน้นความสำคัญและให้การสนับสนุนเรื่องนี้มาโดยตลอด” โดย รมว. ศึกษาฯ ได้มอบหมายให้มล.ปนัดดา ดิศกุล รมช. ศธ. กำกับดูแลโครงการโรงเรียนคุณธรรม

ขอเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบว่า โรงเรียนคุณธรรมที่ ศธ. ทำอยู่นั้นได้เอาชื่อ "โครงงานคุณธรรม” ซึ่งเป็น เป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ความดี หรือ คุณธรรม แบบเชิงรุก (active learning) ที่ให้เด็กและเยาวชนรวมกลุ่มกันคิดวางแผนและลงมือทำงานอย่างเป็นระบบ ด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของของตัวเด็กและเยาวชนเอง ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๘ และกลายมาเป็นโครงการพัฒนาโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” (ที่ถูกบีบตัดงบฯ นั้นแหละค่ะ) ในปีการศึกษา ๒๕๔๙ อย่างเป็นทางการของ สพฐ. และกลุ่มกัลยาณมิตรเพื่อเครือข่ายวิถีพุทธ (กคพ.) และภาคีอื่นๆ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ ๙ เนื่องในมหาวโรกาส ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ เป็นปีแรก และดำเนินการอย่างต่อเนื่องมา ๑๑ ปี ถึงปีปัจจุบัน เป็นปีที่ ๑๒ โดยได้รับมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ พระราชทานโล่เกียรติยศ "ประโยชน์สุขแห่งมหาชน" ปีละ ๙ โล่ ให้แก่โครงงานคุณธรรมดีเยี่ยมระดับประเทศ ที่ยังทำงานต่อยอดขยายผลให้เกิดประโยชน์สุขแห่งมหาชนได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย ๓ ปี และผ่านการประเมินแล้วว่าได้ก่อให้เกิดโครงงานคุณธรรมที่ทำงานจริงจัง แก้ปัญหาต่างๆ ได้จริง และต่อเนื่องเกินกว่า ๓ ปี

แต่โครงการโรงเรียนคุณธรรมที่ศธ. กำลังทำอยู่นั้นได้เอา "ชื่อและโครงงานคุณธรรมเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ไปทำซ้ำซ้อนกัน (ซึ่งควรมีคุณธรรมเป็นตัวอย่างเบื้องต้นคือความกตัญญูรู้คุณ แม้ไม่เคยกล่าวอ้างขอบคุณต้นฉบับที่ริเริ่มโครงงานไว้ คือ"โครงงานคุณธรรมเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” ก็ไม่ควรพยายามตัดงบประมาณซะขนาดนี้) ที่แย่ที่สุดคือ เอาไปใช้โดยไม่ศึกษาทำความเข้าใจ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ จึงผิดเพี้ยน เหมาเข่งและฉาบฉวย ทำให้คุณครูและนักเรียนจำนวนมากเข้าใจโครงงานคุณธรรมแบบผิดๆ จนคุณครูและนักเรียนหลายแห่งเกิดความเบื่อหน่าย เริ่มเกลียดโครงการเพราะรู้สึกว่าเป็นภาระ ไม่ค่อยเกิดประโยชน์ แต่ต้องเล่นละครตบตาเอาใจนายว่าดี เอาตัวรอดไปวันๆ (นี้คือข้อมูลที่ได้รับมาจากคุณครูและนักเรียนนะคะ)
สรุปสั้นๆ ว่า โรงเรียนวิถีพุทธคือโรงเรียนคุณธรรม แต่โรงเรียนคุณธรรมไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ
จึงขอเรียนถามว่า นอกจากเรื่องจริยธรรมและคุณธรรมอย่างกว้างๆ แล้ว รมว.ศธ.ให้ความสำคัญแก่การส่งเสริมการศึกษาและการปฏิบัติในทางพระพุทธศานาแก่นักเรียนและคุณครูด้วยหรือไม่ ด้วยงบประมาณที่โรงเรียนคุณธรรม ได้รับในปีหน้าถึง ๒๐๐ ล้านบาทเพื่อสอนให้นักเรียนมีคุณธรรมจริยธรรม (ต้องใช้งบมากมายขนาดนี้...มีผลงานอะไรเป็นรูปธรรมบ้าง) ซึ่งรมว. ศธ.พยายามขยายผลทั้ง ๓๐,๐๐๐ โรงเรียนทั่วประเทศนั้น จะประเมินผลคุณครูและนักเรียนเชิงคุณภาพได้อย่างไร และสุดท้ายของคำถามข้อนี้คือ มีการเสริมหลักธรรมทางพุทธศาสนาให้แก่นักเรียนและคุณครูในโครงการโรงเรียนคุณธรรมบ้างหรือไม่

๕. นโยบายของ เลขา รมว. ศธ. ที่ให้เขต โรงเรียน เขียนขอแลกเป้านั้น อยากทราบว่า เกณฑ์ /สัดส่วน/ และกรรมการ ที่จะพิจารณา การแลกเป้านี้ มีการพิจารณาเพื่อส่งเสริมพุทธศาสนาอย่างไร

๖. ดิฉันยังได้ข่าวมาว่า มีความพยายาม ยุบหรือแยกหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ รร.วิถีพุทธ โดยอ้างว่าเป็นนโยบายปฏิรูปโครงสร้าง สพฐ. แต่แท้จริงต้องการไม่ให้มีผู้รับผิดชอบโครงการ รร.วิถีพุทธ คือ ตั้งธงจะยุบ รร.วิถีพุทธให้ได้นั่นเอง
หากข่าววงในที่ได้ยินมานี้ไม่เป็นความจริง ก็ขอให้ นพ. ธีระเกียรติ รมว. ศธ. ได้โปรดออกมายืนยันว่าจะสนับสนุนส่งเสริมรร.วิถีพุทธ อย่างเป็นรูปธรรม ต่อไปอย่างไร มีการตั้งงบประมาณ เป็นแผน ๓ ปี ๕ ปี ๑๐ ปี ๒๐ ปี ตามรายงานของ สปท. เรื่องการจัดการศึกษาวิถีพุทธเพื่อการปฏิรูปการศึกษาอย่างยั่งยืน ที่ครม.ส่งให้ รมว. ศธ. แล้วอย่างไรบ้าง
อย่าให้เป็นที่ซุบซิบนินทาในกระทรวงอีกต่อไปเลยว่า เข้าทำนองตามภาษิตไทยที่ว่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล!! เมื่อตัดงบบีบให้เลิกไม่ได้ ก็วางแผนยุบหน่วยงานที่รับผิดชอบมันเสียเลย ขอให้นึกถึงขวัญและกำลังใจของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบ้าง รมต.มาแล้วเดี๋ยวเดียวก็ไปทำอื่น ไม่อยู่นาน แต่ข้าราชการเขาทำงานกันมาตลอดชีวิตของการรับราชการนะคะ
วันนี้ขอเรียนถามเท่านี้ค่ะ ต่อไปคือขอใช้สิทธิพลเมือง ติดตามดูต่อไป

วิรังรอง รำพึง...
การจะส่งเสริมให้เด็กไทยได้เรียนรู้คำสอนในทางพระพุทธศาสนา เพื่อให้มีหลักธรรมเป็นสรณะในการดำเนินชีวิต ทำไมต้องออกแรงเหนื่อยยากนักขนาดนี้ ทราบมาว่าในแต่ละปี หลายๆ ปีมีความพยายามกดดัน จะให้ยุบ ให้เลิก "โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ” และ"โครงงานเยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง” พอมีข่าวออกมาช่วยไว้ ข้าราชการก็มีงบประมาณมาทำงานกันทีนึง แล้วปีต่อๆไป ต่อๆไป จะต้องเป็นเช่นนี้อีกหรือเปล่า ปีไหนไม่มีคนทวงถาม ไม่มีข่าว จะไม่มีงบฯ อย่างนั้นหรือ ศาสนาพุทธไม่ดีอย่างไร ไมทำไมจึงไม่ส่งเสริมปลูกฝัง ให้อยู่ ให้มีในโรงเรียน ในจิตใจเด็กและเยาวชน
อย่างไรก็ดี ขอกราบขอบพระคุณ นพ. ธีระเกียรติ ที่ ณ วันนี้ ที่ได้จัดสรรงบฯ เพิ่มให้จาก ๒ ล้านบาทเป็น ๑๙.๙ ล้านบาทค่ะ และหวังว่าในทางปฏิบัติ งบฯ ๑๙.๙ ล้านบาทนี้จะสามารถเบิกจ่ายใช้ได้จริง ไม่มีการยื้องบฯ ไว้ ดังเช่นครั้งที่ไม่ให้จัดค่ายโครงงานฯ นะคะ เพราะหากเป็นเช่นนั้นอีก ภาคประชาชนคงต้องขอทราบเหตุผลของท่านซึ่งหวังว่าท่านจะมีคำตอบที่ดีมีเหตุผล
สุดท้ายนี้ เมื่อคุณโฆษก ได้เอ่ยถึง หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รมช. ศธ. ก็เป็นการดียิ่งที่ดิฉันจะได้ขอโอกาสนี้ กราบเรียนถึงท่านหม่อมหลวง ปนัดดา ด้วยความเคารพผ่านบทความนี้เลย ซึ่งความจริงก็เป็นกัลยาณมิตรกันในเฟซบุ๊คมาหลายปีแล้ว แต่ขออนุญาตโพสผ่านบทความนี้เพื่อขอความกรุณาท่านได้จัดเวลาให้ดิฉันและผู้ที่มีความเป็นห่วงใยเรื่องการปฏิรูปการศึกษาอีก ๑ ท่าน ได้เข้าพบในวันและเวลาที่ท่านสะดวก ณ ที่ทำงานของท่านเพื่อขอคำปรึกษาแนะนำ โดยดิฉันจะได้ติดต่อเพื่อนัดหมายอย่างเป็นทางการต่อไป หวังว่าท่านจะพอมีเวลาให้ประชาชนเข้าพบท่านนะคะ
วิรังรอง ทัพพะรังสี
ประธาน กลุ่มปฏิรูปการศึกษา เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.)
๑ พ.ย. ๒๕๖๐
ป.ล. ที่คุณโฆษกพาดหัวข่าวว่า "จากกรณีที่ประธานกลุ่มปฏิรูปการศึกษา เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) เผยแพร่บทความลงในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ในหัวข้อ "แฉเล่ห์กลกระทรวงศึกษาที่บีบให้เลิก รร.วิถีพุทธและโครงงานคุณธรรม....” นั้น ขอเรียนให้ทราบว่า ต้นฉบับบทความที่ดิฉันโพสนั้น ไม่มีข้อความที่ว่า “แฉเล่ห์กลกระทรวงศึกษา...” นะคะ แต่นั้นเป็นเทคนิคการพาดหัวข่าวของสื่อ ที่ได้นำบทความของดิฉันไปเผยแพร่ต่อ และดิฉันได้แชร์กลับมายังหน้าเฟซบุ๊คของดิฉันค่ะ