นักธุรกิจญี่ปุ่นไม่สนเลื่อนเลือกตั้ง   “สมคิด” เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักธุรกิจญี่ปุ่นของเจโทร เชื่อมั่นไทยมากขึ้นกว่า 2 เท่าใน 1 ปี

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.deepsnews.com

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือกับนายฮิโรกิ มิตสึมาตะ (Mr.Hiroki Mitsumata)  ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) กรุงเทพ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมาว่าเจโทรได้รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจที่มีการลงทุนในประเทศไทย โดยระดับดัชนีเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 (ก.ค.-ธ.ค.2560) เพิ่มขึ้นจากระดับ 14 เป็น 29 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 15 ระดับ ขณะที่มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 6 เดือนข้างหน้าหรือในช่วงครึ่งปี 2561 (ม.ค.-มิ.ย. 2561) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 37 จากปัจจุบัน 29 หรือปรับเพิ่มขึ้น 8 ระดับ 
 
โดยดัชนีที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาคธุรกิจญี่ปุ่นที่มีการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเจโทรได้สำรวจถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยพบว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น34% และจะมีการส่งออกเพิ่มขึ้น 37% โดยสิ่งที่นักลงทุนและนักธุรกิจญี่ปุ่นมีความพึงพอใจคือเรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ (public infrastructure) ความมั่นคงและความสงบสุข และการแก้ไขปัญหาด้านศุลกากรของประเทศไทยซึ่งมีความคืบหน้ามาก รวมทั้งความชัดเจนในนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รัฐบาลมีการเดินหน้านโยบายนี้อย่างต่อเนื่อง
 

“ในระยะเวลา 1 ปีเพิ่มขึ้นจาก 14 เป็น 37 เพิ่มขึ้น 2 เท่ากว่าสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งดัชนีต่างๆที่เพิ่มขึ้นมาทั้งดัชนีผู้บริโภค และดัชนีอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ผมได้สอบถามกับประธานเจโทรว่าในการลงทุนในประเทศไทยปีนี้มีความเป็นห่วงในเรื่องค่าเงินบาทหรือไม่ เขาก็บอกว่าญี่ปุ่นไม่กังวลมาก ส่วนเรื่องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 3 เดือน เจโทรบอกว่าเขาไม่กังวลแล้วเขาก็จะไปชี้แจงให้กับนักลงทุนและนักธุรกิจญี่ปุ่นในไทย ซึ่งตรงนี้ผมก็เคยบอกว่าเขาให้ความสำคัญในเรื่องความสงบของบ้านเมืองและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งมั่นใจว่าในปี2560  ขยายตัวมากกว่า 4% แน่นอน ซึ่งเชื่อว่าประเทศอื่นๆก็จะมองในประเด็นนี้เหมือนกับญี่ปุ่นเหมือนกัน”นายสมคิดกล่าว
 
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าได้ขอให้ทางเจโทรประสานงานกับภาคธุรกิจญี่ปุ่นในเกาะฮนชูให้ได้มีการพบปะหารือกับคณะของไทยในระหว่างที่ตนจะนำคณะของไทยทั้งหน่วยงานราชการและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเดินทางไปยัง จ.ฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่นในระหว่างวันที่ 8 -10ก.พ. เพื่อให้สามารถอธิบายภาพรวมของการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยและในพื้นที่อีอีซี ซึ่งขณะนี้มีสิทธิประโยชน์รองรับและกำลังจะมีกฎหมายออกมาให้เกิดความมั่นใจกับนักลงทุนเพิ่มขึ้น
 

ส่วนการเพิ่มอุตสาหกรรมการป้องกันการประเทศให้เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายอีก 1 อุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี จะช่วยให้เกิดการผลิตทดแทนการนำเข้าและเป็นการรองรับการถ่ายโอนเทคโนโลยีการทหารและความมั่นคงจากต่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปดูการเตรียมความพร้อมรองรับการลงทุนสาขานี้ในอนาคต เพราะมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและจะสามารถต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆได้