"ปิยบุตร"ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่กับ "ไพร่หมื่นล้าน" ยังยืนยันแนวคิดแก้ม.112 ไม่รู้เลยหรือว่ามีขบวนการมุ่งร้ายทำลายสถาบัน

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากที่มีการตั้งข้อสงสัยกันว่าอนาคตใหม่ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการจากธรรมศาสตร์และสังกัดกลุ่มนิติราษฎร์ จะสร้างพรรคการเมืองเพื่อที่จะเคลื่อนไหวแนวความคิดของตนเองในกรอบของพรรคการเมืองที่มีกฎหมายรองรับ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้นนั้น

 

วันนี้หลังจากได้มีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนประกาศชื่อพรรคชัดเจนแล้วโดยใช้ชื่อว่าอนาคตใหม่ คำถามหนึ่งที่ถูกมวลชนตั้งคำถาม ก็คือพักอนาคตใหม่จะเอาอย่างไรกับมาตรา 112 นายปิยบุตรได้เปิดเผยและยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ...

 

 “ผมเคยร่วมกับอาจารย์หลายคนเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะทุกท่านคงทราบดีว่ามาตรา 112 ถูกนำไปใช้กลั่นแกล้งกันและทำลายศัตรูทางการเมืองฝั่งตรงข้ามที่คิดเห็นแตกต่างกัน การเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ

 

“ณ วันนี้มีหลายกรณีที่เป็นตัวบ่งชี้ให้เราเห็นว่าแม้กระทั่งรัฐและกลไกของรัฐเองก็มีปฏิกิริยาในแง่ของการจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายอาญามาตรานี้เช่นเดียวกัน ในอดีตเคยมีการตั้งคณะกรรมการศึกษา ปัจจุบันคงเห็นหนังสือของสำนักงานอัยการสูงสุดออกมาว่าต่อไปนี้จะให้อัยการสูงสุดเท่านั้นที่เป็นคนพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ เราเห็นทิศทางของศาลที่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 มากขึ้น เราเห็นทิศทางของการมีคำพิพากษาจำนวนมากที่ยกฟ้อง นั่นหมายความว่ารัฐเองก็ตระหนักดีถึงปัญหาของมาตรา 112” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การปรับปรุงมาตรา 112 จะทำให้บุคคลทั้งหลายไม่สามารถนำกฎหมายมาตรานี้มาใช้ทำลายล้างกันได้อีก และบุคคลจะไม่สามารถฉวยโอกาสแอบอ้างเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ทำลายล้างผู้ที่เห็นต่างหรือศัตรูทางการเมืองของตนเอง สถาบันพระมหากษัตริย์จะดำรงอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพ มั่นคง และมีเกียรติยศ ทันสมัย สอดคล้องกับประชาธิปไตย หากกฎหมายอาญามาตรานี้ถูกปรับปรุง

 

“ในส่วนของผมที่ ณ วันนี้เปลี่ยนบทบาทมาลงสนามในทางการเมือง หลายท่านคงจะถามว่าพรรคการเมืองนี้จะเอาอย่างไรต่อไปกับการแก้ไขมาตรา 112 พรรคนี้ไม่ใช่ของคุณธนาธรและไม่ใช่ของผม พรรคนี้เป็นของสมาชิกทุกคน นโยบายทุกเรื่องที่เราจะนำเสนอมีความหลากหลาย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและประชาธิปไตย นโยบายของพรรคเกิดจากการตัดสินใจร่วมกันของสมาชิกและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ณ วันนี้ คสช.ไม่อนุญาตให้เราพูดเรื่องนโยบายนี้ ดังนั้น จะมีโอกาสที่ได้ทำหรือไม่ ณ เวลานี้ก็ตอบไม่ได้ และ พรรคการเมืองนี้ไม่ใช่ของผม ผมมีความคิดแบบนี้ แต่เรื่องจะสำเร็จหรือไม่ และจะเสนอหรือไม่ และจะเป็นนโยบายหรือไม่ อยู่ที่สมาชิกพรรค และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน” นายปิยบุตร กล่าว

 

 

และที่สำคัญสุดท้าย ยังได้ยืนยันหลักคิดในการกระทำของตัวเอง อันเกียวเนื่องกับมาตรา112ว่า..  “ยอมรับว่าได้ร่วมก่อตั้งนิติราษฎร์ ซึ่งเป็นเกียรติยศและความภูมิใจในชีวิตที่ได้เสนอข้อเสนอจำนวนมากบนพื้นฐานของประชาธิปไตย แต่ ณ วันนี้ กำลังเปลี่ยนบทบาทจากนักวิชาการเข้ามาสู่สนามทางการเมือง ดังนั้น บทบาทเหล่านี้ต้องเปลี่ยนแปลงไป นิติราษฎร์ก็ยังเป็นนักวิชาการ ยังใช้เสรีภาพทางวิชาการต่อไป แต่ส่วนตัวมีบทบาทในทางการเมือง เราไม่เกี่ยวข้องกัน อาจารย์ในกลุ่มนิติราษฏร์ที่เหลืออยู่ในวันนี้ก็ทำงานทางวิชาการต่อไป ส่วนตัวก็มุ่งหน้าทำการเมืองเพื่ออนาคตใหม่ ดังนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน” 

ท่าทีของนายปิยบุตรในครั้งนี้ เท่ากับยืนยันว่าอย่างไรก็ตามแต่ยังจะเดินหน้าเรื่องมาตรา 112 ต่อไปด้วยเหตุผลที่พยายามเสนอแก้ไขในเรื่องมาตรา 112 มาจากข้ออ้างที่บอกว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองนำเอามาตรา 112 มาใช้เล่นงานผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามหรือมีความผิดต่าง ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วที่นายปิยะบุตรไม่รู้หรือรู้แต่ไม่ได้เอามาพูด นั่นก็คือก่อนหน้าที่จะมีการเคลื่อนไหวของระบอบทักษิณกฎหมายดังกล่าวประกาศใช้มานานนับ 100 ปีมีผู้กระทำความผิดเพียงแค่ 10 กว่าคน

 

แต่หลังจากที่ระบอบทักษิณเคลื่อนไหวและคนกลุ่มหนึ่ ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในระบบทักษิณต้องสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้นมาเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงจึงทำให้ปริมาณของผู้กระทำความผิดในมาตราดังกล่าว ที่ผ่านมาแล้ว 100 ปีกลายมาเป็นผู้กระทำความผิด 4000 -5000คน 

 

ประเด็นคำถามที่ชัดเจนก็คือใครจะไปจับผิดหรือกันแกล้งคนจำนวนนับพันๆคน ถ้าไม่ได้มีการการเคลื่อนไหวและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจิงจังและเป็นระบบซึ่งเป็นเรื่องที่นายปิยะบุตรควรจะรู้ไว้