ฟังอีกมุมปมที่ดินบ้านพักตุลาการไม่ได้เป็นป่าแต่ "มหาลัยในป่า"กว่า6000ไร่ในอุทยานใยไม่มีใครโต้แย้ง-รุกล้ำ

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

   จากกรณี เฟซบุ๊กเพจ ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ซึ่งเป็นเพจที่ตั้งขึ้นเพื่อเรียกร้องให้มีการคืนพื้นที่ดอยสุเทพ ที่ถูกนำไปสร้างบ้านพักของตุลาการ ได้ประกาศเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีหัวใจสีเขียวให้ออกมาร่วมกิจกรรมใหญ่ “รวมพลคนเชียงใหม่ ไม่เอาบ้านป่าแหว่ง” ในวันอาทิตย์ที่ 29 เม.ย. เวลา 08.00 น. ณ ข่วงประตูท่าแพ เพื่อแสดงพลังส่งตรงถึงนายกรัฐมนตรี ว่าคนเชียงใหม่ต้องการให้รื้อบ้านพักตุลาการลงจากดอยสุเทพ


   ในขณะที่นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng เกี่ยวกับปมการรื้อบ้านพักดังกล่าวอีกทั้งมีเอกสารยืนยันชัดว่า มหาลัยในป่าหรือมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก ซึ่งมีเนื้อที่ 6,235 ไร่เศษ ก่อสร้างอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม และ พื้นที่ที่ใช้ก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ ภาค 5 และก่อสร้างบ้านพักตุลาการมีเนื้อที่ 147 ไร่เศษ อยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นที่ดินที่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(น.ส.ล.) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 ตรี จึงไม่ได้เป็นป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 4(1)

 

ฟังอีกมุมปมที่ดินบ้านพักตุลาการไม่ได้เป็นป่าแต่ "มหาลัยในป่า"กว่า6000ไร่ในอุทยานใยไม่มีใครโต้แย้ง-รุกล้ำ
http://www.maerimcenter.cmru.ac.th/web57/index.php?name=page&file=page&op=history

โดยระบุว่า....ตามที่สภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ เรื่องโครงการบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพ อ้างว่าพื้นที่ที่ใช้ก่อสร้างบ้านพักตุลาการเชิงดอยสุเทพรุกล้ำป่าที่สมบูรณ์มาก สภาคณาจารย์ฯ ไม่เห็นด้วยและขอให้คืนป่าโดยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปโดยเร็วนั้น
.....ท่านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงฟังเป็นข้อยุติได้ว่า พื้นที่ที่ใช้ก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ ภาค 5 และก่อสร้างบ้านพักตุลาการมีเนื้อที่ 147 ไร่เศษ อยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นที่ดินที่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(น.ส.ล.) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 ตรี จึงไม่ได้เป็นป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 4(1)

.....มีเอกสารของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ยืนยันชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก ซึ่งมีเนื้อที่ 6,235 ไร่เศษ ก่อสร้างอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม ตามหลักฐานที่แนบมาด้วยแล้ว

.....หน่วยงานราชการเหมือนกัน ต้องการพื้นที่ก่อสร้างอาคารเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการเหมือนกัน ต่างกันเพียงหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติไม่เหมือนกันเท่านั้น
.....มหาวิทยาลัยราชภัฏเขียงใหม่ ก่อสร้างวิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก ใช้เนื้อที่มากถึง 6,235 ไร่เศษ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติซึ่งเป็นป่าตามกฎหมายได้ ไม่มีเคยได้ยินข่าวว่าผู้ใดคัดค้านหรืออ้างว่ารุกล้ำ"ป่า" มีเพียงข่าวว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ใช้สโลแกนว่า "มหาวิทยาลัยในป่า" เท่านั้น
.....สำนักงานศาลยุติธรรม ก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ ภาค 5 และบ้านพักตุลาการ ใช้เนี้อที่เพียง 147 ไร่เศษ หรือประมาณร้อยละ 2.36 ของเนื้อที่ที่ใช้ก่อสร้างมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก เท่านั้น ทั้งอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติและไม่ได้เป็นป่าตามกฎหมาย แต่มีผู้คัดค้านซึ่งรวมทั้งสภาคณาจารย์ฯ โดยอ้างว่ารุกล้ำ"ป่า"

.....ถ้าสังคมไทยยังมีคนบางกลุ่มไม่ยึดถือกฎเกณฑ์ที่มีอยู่มาใช้ตัดสินเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ใช้ความเพียงรู้สึกนึกคิด ความพอใจ ความรักใคร่ ความไม่พอใจ ความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยา หรือถ้าตนเองได้ประโยชน์ก็เป็นสิ่งที่ถูก แต่ถ้าตนเองไม่มีส่วนได้ประโยชน์ก็เป็นสิ่งที่ผิด 
....สังคมไทยก็ต้องมีเรื่องวุ่นวายเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ตลอดกัลปาวสาน

 

 

ขอบคุณข้อมูล Chuchart Srisaeng