จับตาเสียงหนุนนายหัว"ชวน" รีเทิร์น .. “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” เสาหลักประชาธิปไตย ในหัวใจประชาชน

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

   หลังจากการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของมาเลเซียชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้าน ปากาตัน ฮาราปันที่นำโดย มหาเธร์ โมฮัมหมัด ว่าที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย วัย 92 ประกาศจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติมาเลเซียให้เร็วที่สุด หลังโค่นพรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่ในอำนาจมาถึง 61 ปี 

   ปรากฏการณ์มหาเธร์ส่งแรงสะเทือนมาถึงการเมืองไทย  ที่ต้องจับตามองโดยเฉพาะนักการเมืองอาวุโสที่เป็นที่นับถือ   ทั้งปูมหลังที่ขาวสะอาด ทั้งความสง่างามของอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตผู้นำฝ่ายค้าน และที่สำคัญก็คืออดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนายชวน หลีกภัย ในวัย 79 ปี ก็คงจะไม่ชราเกินไป สำหรับการลงเล่นการเมือง

   ชวน หลีกภัย เริ่มทำงานเป็นทนายความ และต่อมาได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ใน พ.ศ. 2534 ชวนเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการหลายกระทรวง ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้าน ใน พ.ศ. 2533 ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และต่อมาใน พ.ศ. 2535 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 1 และวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 สมัยที่ 2 ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ชวนเป็นพลเรือนคนที่สอง นับจากหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้
ระยะหลังมีกระแสเรียกร้องหนาหูเรื่อง “ชวน หลีกภัย” จะกลับมาลงเล่นการเมืองอีกครั้ง โดยเฉพาะกับบทบาท หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แม้ผ่านการเลือกตั้งในฐานะหัวหน้า มาแล้วแต่ก็ไม่สามารถจะนำพาพรรคให้ได้รับชัยชนะจากฝีมือตัวเองได้
ในปี 2550 ลงแข่งก็แพ้ให้กับนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่างนายสมัคร สุนทรเวช และแม้หน้าใหม่อย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2554 ก็ยังพ่ายอย่างราบคาบ จนต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า ปชป.
แม้จะได้รับเลือกให้กลับมานำพรรคสีฟ้านี้อีกครั้ง ในเดือนสิงหาคมปี 2554 ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นเวลานาน มากกว่า 10 ปี ติดลำดับที่ 5 จาก 7 ลำดับของผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนานที่สุด 
    โดยนายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดปัจจุบัน จะครบวาระในการดำรงตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2561 ทั้งนี้ตามข้อบังคับพรรคการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ.2551 ข้อ 24 ระบุว่า "วาระของกรรมการบริหารพรรคมีกำหนดคราวละสี่ปี การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่จะกระทำก่อนหรือหลังวันครบวาระตามวรรคหนึ่งก็ได้ ถ้าเลือกตั้งก่อนครบวาระ ให้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน การเลือกตั้งภายหลังครบวาระ ให้ดำเนินการเลือกตั้งภายในหกสิบวันนับแต่วันครบวาระ" 

   เมื่อถึงเวลานั้น ในเดือนธันวาคม 2561 ที่คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันจะครบวาระ ผู้ใดจะได้รับคัดเลือกให้ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งแห่งประชาธิปัตย์ ในตำแหน่ง "หัวหน้าพรรค คนที่ 8"  

   และเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการเลือกตั้งมาเลเซียที่นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด ได้รับเลือกเป็นนายกฯอีกครั้ง ในวัย 92 ปี เมื่อถามว่า คนขนาดนายมหาธีร์ อายุ 92 ปี เป็นนายกฯได้ อย่างนี้คิดว่า นายชวน หลีกภัย สามารถเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าพูดถึงอายุ นายชวนอายุน้อยกว่าเยอะแต่ท่านยังเป็นบุคคลที่มีผู้คนเคารพนับถือ ศรัทธาจำนวนมาก และตนก็ยังเห็นว่าท่านเป็นนักการเมืองแบบอย่างที่ดีในระบอบประชาธิปไตย ให้ความสำคัญกับการซื่อสัตย์สุจริต สนใจปัญหาของประชาชน ท่านทำงานไม่หยุด เดินทางไปทุกพื้นที่

“ผมเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนท่าน แต่ที่ผ่านมาท่านเป็นคนที่แสดงออกว่าท่านไม่รับในทำนองนั้น แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ซึ่งในส่วนของพรรค หลังจาก คสช.ปลดล็อก ก็ต้องตราข้อบังคับพรรคใหม่ เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค และเมื่อมีกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคชุดใหม่แล้ว ถึงจะมาเริ่มพิจารณาเรื่องผู้สมัคร ส.ส. รวมถึงการเสนอชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการของพรรค จึงยังไม่รู้ว่ารายชื่อ 3 คนที่จะเสนอเป็นนายกฯมีใครบ้าง แม้แต่ผมก็ไม่รู้ เพราะตำแหน่งหัวหน้าพรรคอาจจะมีคนลงแข่งขันก็ได้ ผมยังไม่ทราบ” 

และถ้าถามว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร ระหว่าง "ชวน " กับ "อภิสิทธิ์ " ก็คงต้องย้อนกลับไปดูข้อมูลเก่าๆ ที่น่าสนใจ
เมื่อช่วงพฤษภาคมปีที่แล้ว ได้มีสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้ถามประชาชน โดยเปรียบเทียบระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ นายชวน หลีกภัย ว่าใครควรเป็นหัวหน้าพรรคมีตัวเลขที่น่าสนใจ
เห็นควรว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 2,296 คะแนน ในขณะที่เชียร์ นายชวน หลีกภัย 5,427  คะแนน มากกว่าถึงหนึ่งเท่าตัว!!!!
คือ ชวน หลีกภัย เสาหลักประชาธิปไตยตัวจริง!!!

ที่น่าสนใจคือจะเป็นไปได้ ผู้นำทัพคนใหม่จะต้องลงสู้ศึกเลือกตั้ง นอกเหนือจากเพื่อไทยแล้ว ยังมีพรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่อีกจำนวนหนึ่ง งานนี้สนุกแน่...