- 21 ส.ค. 2561
เนื่องด้วยปัญหาอุทกภัยจากพายุเบบินคา ในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดน่าน , จังหวัดแพร่ , จังหวัดพะเยา และจังหวัดเพชรบุรี ที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะมาจากเหตุการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจานล้นสปิลเวย์
เนื่องด้วยปัญหาอุทกภัยจากพายุเบบินคา ในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดน่าน , จังหวัดแพร่ , จังหวัดพะเยา และจังหวัดเพชรบุรี ที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะมาจากเหตุการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจานล้นสปิลเวย์ ส่งผลให้น้ำเอ่อเข้าท่วมในพื้นที่บริเวณท้ายเขื่อนแก่งกระจานจนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งบ้านเรือนของประชาชน รวมทั้งรีสอร์ทและพื้นที่พืชสวนการเกษตรที่อยู่ท้ายเขื่อน อย่างประเมินค่าไม่ได้ ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ทางภาครัฐก็ไม่ได้นิ่งนอนใจสั่งการให้ นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหนะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ รับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นด้านนายพิเชษฐ์ จึงได้รับไม้ต่อให้สหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดที่ได้รับความเสียหาย เร่งสำรวจผลกระทบของสหกรณ์และสมาชิกที่เกิดขึ้น ว่าได้รับความเดือดร้อนกี่ครัวเรือน เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมเตรียมมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน ให้แก่สมาชิก ผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ โดยมุ่งเป้าไปที่สมาชิกที่มีปัญหาภาระหนี้สิน จากการกู้ยืมเงินสหกรณ์ไปประกอบอาชีพ
เบื้องต้นทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีการพิจารณาขอความร่วมมือจากสหกรณ์ ให้ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ สมาชิกเกษตรกรที่ขาดรายได้ จากปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมโดยลดดอกเบี้ยเงินกู้ ระยะเวลา 3 - 6 เดือน
พร้อมกันนั้นกรมส่งเสริมสหกรณ์ ยังเตรียมจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ อีกกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเตรียมปล่อยกู้แบบปลอดดอกเบี้ย ให้กับผู้ประสบภัยที่ประกอบอาชีพที่ลงทุนสั้นแต่ได้กำไรคืนอย่างรวดเร็ว โดยให้สหกรณ์จังหวัดลงสำรวจผู้ที่มีความต้องการกู้ยืมเงินหลังน้ำลด พร้อมให้จัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพ แก่สมาชิกสหกรณ์ ทั้งยังมีการเตรียมแผนด้านการตลาดหลังน้ำลด เพื่อจำหน่ายสินค้าของสมาชิกในพื้นที่ประสบภัยอุทกภัยน้ำท่วม ให้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติเร็วที่สุด
ด้านลูกหนี้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่กู้เงินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ออกมาเผยว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ 6 มาตรการ เช่นเดียวกับการเตรียมปล่อยวงเงินกู้ในพื้นที่ประสบอุทกภัย 1,000 ล้านบาท เช่นกัน กับโครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2561 โดย 6 มาตรการ มีดังนี้
มาตรการที่ 1 กรณีลูกค้าเดิมที่หลักประกันเสียหาย ลดภาระดอกเบี้ยเหลือ 0% ต่อปี นาน 4 เดือนแรก
มาตรการที่ 2 กรณีลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเดิมที่หลักประกันเสียหาย ให้ปล่อยกู้เพิ่ม หรือกู้ใหม่ ดอกเบี้ยพิเศษ 3.00% ต่อปี นาน 3 ปี
มาตรการที่ 3 กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายและกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ สามารถขอประนอมหนี้ ระยะไม่เกิน 1 ปี 4 เดือน คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 4 เดือนแรกไม่ต้องชำระเงินค่างวด
มาตรการที่ 4 กรณีได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี
มาตรการที่ 5 กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี
มาตรการที่ 6 กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร
สำหรับผู้ที่มีความประสงค์ใช้มาตรการ โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2561 สามารถยื่นคำร้องติดต่อไปยัง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 28 ธ.ค. 2561 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเต็มที่ ธอส. ทุกสาขา หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center)โทร 0-2645-900หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์