- 09 ต.ค. 2561
แปลกใจกับท่าทีและจุดยืนของรองนายกฯวิษณุ บอกเดินทางไปพบคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของแกนนำพรรคเพื่อไทยเป็นเสรีภาพ
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง สำหรับกระแสข่าวการบินด่วนเข้าฮ่องกง เพื่อเคลียร์ปัญหาภายในพรรคฯ ที่กำลังระอุของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี
จาก มีรายงานข่าวระบุว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ได้เดินทางมาที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง โดยมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้าพบเป็นจำนวนมาก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย ว่าที่เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพงศกร อรรณนพพร เลขาธิการพรรคเพื่อธรรม และนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำพรรคเพื่อชาติ ซึ่งกลุ่มกลุ่มดังกล่าว ได้วางยุทธศาสตร์ร่วมกับนายทักษิณ เพื่อไม่ให้พรรคสาขาทั้ง 3 พรรค เกิดการทับซ้อนกันเองของผู้สมัคร ซึ่งอาจทำให้พ่ายแพ้ ในการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ ตามข้อตกลงเดิม 3 พรรคจะเป็นพันธมิตรกัน โดยหาก อดีต สส. ของพรรคเพื่อไทย ลงสมัครในเขตพื้นที่ใด อีก 2 พรรค จะต้องไม่ส่งผู้สมัครลงแข่ง
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ต.ค.เวลา 12.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้คิดว่าไม่มีอะไรที่น่าจะผิดกฎหมาย สื่อไม่ควรสรุปเองว่า การซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางไปต่างประเทศ ก็เพื่อที่จะไปคุยกันในเรื่องที่เป็นข่าว เพราะเขาอาจจะไปทำอย่างอื่นก็ได้ เช่น ช็อปปิ้ง หรือ เดินเล่น กินข้าวในฮ่องกง การจะทำอะไรผิดกฎหมายนั้น จะต้องมีพฤติการณ์ที่ชัดเจน แต่การซื้อตั๋วไปฮ่องกง ดูไบ มานเตรเนโกรนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกคนมีเสรีภาพในการเดินทาง
“ต่อให้ไปเจอคุณทักษิณ ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร จะถือว่าคุณทักษิณครอบงำพรรคหรือไม่ ขออย่าได้วินิจฉัยเลย เรื่องนี้ถูกกฎหมายหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถูกต้องหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายวิษณุ กล่าว
ล่าสุดทางด้านของ นายสุริยะใส กตะศิลา หนึ่งในแกนนำผู้รวมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับถ้อยคำสัมพาษณ์ของ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม ในหัวข้อ "ท่าทีที่เปลี่ยนไป ของคนในรัฐบาล!"
ผมค่อนข้างแปลกใจกับท่าทีและจุดยืนของรองนายกฯ นายวิษณุ เครืองามที่ระบุว่าการ เดินทางไปพบคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของแกนนำพรรคเพื่อไทยเป็นเสรีภาพ คสช.ปล่อยแล้ว และยังบอกว่าใครจะตั้งพรรคสำรองกี่พรรคก็เป็นสิทธิที่ทำได้ถ้ามีทุนและมีสติปัญญา
ฟังแล้วก็ค่อนข้างแปลกใจกับจุดยืนดังกล่าวของท่านรองนายกฯ ที่ผมเป็นห่วงก็คือการพูดเช่นนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.ที่กำลังตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายผิด มาตรา 28 และ 29 พรป.พรรคการเมือง ที่ห้ามพรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลภายนอกยุ่งเกี่ยวกับกิจการในพรรค ซึ่งมีผู้ร้องต่อ กกต.ในกรณีของพรรคเพื่อไทยไปแล้วก่อนหน้านี้
ท่าทีของคนในรัฐบาล บางเรื่องต้องไม่ชี้นำ บางเรื่องต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่จะมีอิสระในการวินิจฉัย เพราะอาจทำให้การทำงานของ กกต.มีปัญหาตามมาด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญเรากำลังเข้าสู่บรรยากาศของการเลือกตั้ง มีคำสั่ง คสช.ควบคุมการทำกิจกรรมสิทธิและเสรีภาพของพรรคการเมืองสารพัดคำสั่ง แต่สิ่งที่คนในรัฐบาลทำก็ดูเหมือนกับไม่ได้เคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา นี่ยังไม่รวมถึงการทำหน้าที่ของรัฐบาลในการนำคนผิดกลับมารับโทษในกระบวนการยุติธรรมด้วย
นอกจากนี้การตั้งพรรคสำรองหลายพรรคเพื่อเก็บคะแนนเสียงจากระบบเลือกตั้งแบบใหม่แม้เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่วิธีดังกล่าวจะทำลายระบบพรรคการเมืองที่เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญและ พรป.พรรคการเมืองต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมืองการตั้งพรรคเครือข่ายพรรคสำรองพรรคแนวร่วมจะทำให้พรรคการเมืองจมอยู่กับคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่ว่าจะได้มาโดยวิธีใดก็ตามแบบนี้ก็จะทำให้การปฏิรูปการเมือง โดยพรรคการเมืองไม่ประสบความสำเร็จ