- 21 ส.ค. 2568
เจาะลึกถึงบทบาทของ "โฉนดต้นยางพารา" ช่วยลดปัญหาฝุ่นPM 2.5 หมอกควัน และมลพิษทางอากาศ" ภัยคุกคามสุขภาพ
ทุกวันนี้เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับปัญหาฝุ่นPM 2.5 และหมอกควันที่ปกคลุมทั่วหลายพื้นที่ของประเทศไทย หนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหานี้คือ "การเผา" ไม่ว่าจะเป็นการเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตร, การเผาเศษซากพืชหลังการเก็บเกี่ยว, หรือแม้แต่การเผาขยะ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนปล่อยอนุภาคขนาดเล็กและก๊าซพิษจำนวนมากสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจและสุขภาพของเราทุกคน
จะพาไปไขคำตอบที่ว่า ต้นยางพารา และโฉนดต้นยางพารา จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?
โดย ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า "โฉนดต้นยางพารา" ไม่ใช่เป็นเพียงเอกสารแสดงสิทธิ์ แต่เป็นแกนหลักของยุทธศาสตร์ชาติที่ถูกออกแบบมาอย่างซับซ้อน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวพันกันหลายมิติ ตั้งแต่ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับท้องถิ่นอย่างฝุ่น PM2.5 ไปจนถึงการยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบในเวทีโลก
ข้อมูลชี้แจงว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาในภาคเกษตรกรรม เช่น การเผาตอซังข้าวโพดในพื้นที่เขาหัวโล้น การส่งเสริมให้เปลี่ยนพื้นที่เหล่านี้มาเป็นสวนยางพาราที่ยั่งยืน จะช่วยลดการเผาซึ่งเป็นต้นตอของฝุ่นได้อย่างโดยตรง นอกจากนี้ สวนยางยังช่วยดูดซับคาร์บอนและเพิ่มพื้นที่สีเขียว
โฉนดต้นยางไม่ใช่แค่เอกสาร แต่เป็นระบบดิจิทัลที่ใช้ QR Code เพื่อบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น จำนวนต้นยางที่แน่นอนของเกษตรกรแต่ละราย ทำให้สามารถคำนวณผลผลิตและปริมาณการดูดซับคาร์บอนได้อย่างแม่นยำ ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในหลายด้าน ทั้งการสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดโลก การขายคาร์บอนเครดิต และที่สำคัญคือการป้องกัน "ยางเถื่อน" โดยระบบจะตัดสต็อกทุกครั้งที่มีการขาย ทำให้ไม่สามารถนำยางนอกระบบมาสวมรอยได้
นอกจากนี้โฉนดต้นยางจะระบุจำนวนต้นยางที่แท้จริงของเกษตรกรแต่ละราย ไม่ใช่แค่พื้นที่เป็นไร่ ทำให้ข้อมูลผลผลิตและการดูดซับคาร์บอนมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลความน่าเชื่อถือนี้ทำให้ประเทศไทยสามารถประกาศตัวเลขการดูดซับคาร์บอนได้อย่างชัดเจนและเป็นพื้นฐานสำคัญในการเจรจาการค้าโลกต่อยอดสู่เศรษฐกิจและโอกาสในตลาดโลก
ส่วนในเรื่องของคาร์บอนเครดิตข้อมูลที่แม่นยำจากโฉนด คือหัวใจสำคัญในการคำนวณและนำไปสู่การขาย "คาร์บอนเครดิต" สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรและประเทศรวมไปถึงสินค้า Low Carbonซึ่งยางพาราไทยกลายเป็น "สินค้าคาร์บอนต่ำ" และมาจากแหล่งที่ไม่บุกรุกป่า ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลกและมีราคาดีกว่าคู่แข่ง
ความได้เปรียบทางการค้า: ระบบนี้ทำให้ไทยได้รับการจัดอันดับเป็น ประเทศความเสี่ยงต่ำ (Low-Risk) ในการบุกรุกป่า ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญทางการค้าในปัจจุบัน
การบูรณาการการปลูกยางพาราอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการออกโฉนดต้นยางพารา ในพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 จึงเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดและยั่งยืน ที่สามารถช่วยให้ประเทศไทยและโลกใบนี้ได้รับประโยชน์
-ทั้งในด้านเศรษฐกิจ (การส่งออก)
-สังคม (สุขภาพที่ดีขึ้น)
-และสิ่งแวดล้อม (ลดฝุ่นและก๊าซเรือนกระจก)
โฉนดต้นยางพาราจึงเป็นมากกว่าเอกสารสิทธิ์ แต่คือหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาป่า และช่วยฟื้นฟูคุณภาพอากาศของเราให้ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ






