ทรงสานพระราชปณิธาน! สมเด็จพระสังฆราช ทรงย้ำเรื่อง "ความสามัคคี เพื่อความเจริญของบ้านเมือง" เพื่อสืบสานสิ่งที่ ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งพระทัยไว้

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

ทรงสานพระราชปณิธาน! สมเด็จพระสังฆราช ทรงย้ำเรื่อง "ความสามัคคี เพื่อความเจริญของบ้านเมือง" เพื่อสืบสานสิ่งที่ ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งพระทัยไว้

ทรงสานพระราชปณิธาน! สมเด็จพระสังฆราช ทรงย้ำเรื่อง \"ความสามัคคี เพื่อความเจริญของบ้านเมือง\" เพื่อสืบสานสิ่งที่ ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งพระทัยไว้

วันพฤหัสบดี ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๐๐ น. เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปยังพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดขึ้นเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเทศกาลเข้าพรรษา

ทรงสานพระราชปณิธาน! สมเด็จพระสังฆราช ทรงย้ำเรื่อง \"ความสามัคคี เพื่อความเจริญของบ้านเมือง\" เพื่อสืบสานสิ่งที่ ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งพระทัยไว้
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :พระศาสนกิจแรกหลังสถาปนาเป็น" สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร)" พร้อมประทานโอวาท แก่คณะสงฆ์หนตะวันออก ในการพระราชทานพัดยศ
--------------------
โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงนำเจริญจิตภาวนา และประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า
"ท่านทั้งหลายมาพรั่งพร้อมกันในวันนี้ เพราะมีคุณธรรมสำคัญร่วมกันประการหนึ่ง ซึ่งประสานน้ำใจกันไว้ให้สนิท เสมือนญาติร่วมสาโลหิตเดียวกัน คุณธรรมสำคัญข้อนั้น คือ 'ความสามัคคี'
ทุกท่านคงตระหนักดีอยู่แล้วว่า พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงเพียรพยายามมาโดยตลอดรัชสมัย ในการพระราชทานพระบรมราโชวาท เน้นย้ำให้คนไทยทุกคน มีสติระลึกรู้อยู่ในความเป็นชาติไทย ให้รู้รักสามัคคี ให้ปรองดอง กลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อจะได้สรรค์สร้างบ้านเมือง ให้ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากความวิวาทบาดหมางและเบียดเบียนกัน
จนกระทั่งถึงรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ก็ได้ทรงสืบสานพระราชปณิธานนั้นๆ สืบมา สมควรที่เราชาวไทย จะได้สนองพระเดชพระคุณ ด้วยการสมัครสมานกลมเกลียวกัน เพื่อจะได้เป็นที่ทรงเบาพระราชหฤทัยผ่อนคลายพระกังวล
แต่ละยุคแต่ละสมัยในบ้านเมืองเรานี้ อาจมีบางเวลาที่บาดหมางกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แตกแยกทางความคิดกันบ้าง เป็นธรรมชาติของสังคมมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร ถ้าคนไทยทั้งหลายเป็น 'บัณฑิต' มีปัญญาและมีความสุจริตเป็นพื้นฐาน ไม่ช้านานเราก็จะสามารถกลับมาสมัครสมานกันได้ดังเดิม
แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม คือถ้าคนไทยไม่มีคุณธรรมความดี โดยเฉพาะขาดสติและขาดปัญญา ก็เท่ากับว่ากลายเป็น 'คนพาล' กลายเป็นคนโง่เขลา ไม่มีทางกลับมาประสานน้ำใจกันได้ดังเคย
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :
-------------
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเตือนพุทธบริษัทไว้ว่า 'ถ้าแม้นสัตบุรุษวิวาทกัน ก็กลับเชื่อมกันได้สนิทโดยเร็ว ส่วนคนพาลทั้งหลายย่อมแตกกันเหมือนภาชนะดิน เขาย่อมไม่ได้ความสงบเวรกันเลย'
อาตมภาพจึงขอฝากข้อคิดเป็นคำถามไว้ว่า คนไทยในทุกวันนี้ปรารถนาจะเป็นบัณฑิต หรือปรารถนาจะเป็นคนพาล
ถ้าปรารถนาเป็นสัตบุรุษคนดี ก็จงรีบเชื่อมน้ำใจกันให้สนิทโดยเร็ว หยุดการถือเขาถือเรา จงสงบเวรภัยต่อกัน เพื่อยังความเจริญรุดหน้าของบ้านเมืองให้บังเกิดมียิ่งๆ ขึ้นไป อันนับเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ได้อย่างดีที่สุด"
อหนึ่งก่อนที่จะเสด็จมา เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จออก ณ ไพทีหน้าพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปประจำสำนักงบประมาณ 
เจ้าพระคุณได้ประทานพระวินิจฉัยให้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้เป็นศิลปะเชียงแสน ตามพุทธศิลป์อย่างพระพุทธรูปหลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้ประทานถวายนามพระพุทธรูปว่า "พระพุทธวชิโรภาสศาสดา"
ที่มา : FB : เพจ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช @Sanggharaja Office

ทรงสานพระราชปณิธาน! สมเด็จพระสังฆราช ทรงย้ำเรื่อง \"ความสามัคคี เพื่อความเจริญของบ้านเมือง\" เพื่อสืบสานสิ่งที่ ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งพระทัยไว้
โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงนำเจริญจิตภาวนา และประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า
"ท่านทั้งหลายมาพรั่งพร้อมกันในวันนี้ เพราะมีคุณธรรมสำคัญร่วมกันประการหนึ่ง ซึ่งประสานน้ำใจกันไว้ให้สนิท เสมือนญาติร่วมสาโลหิตเดียวกัน คุณธรรมสำคัญข้อนั้น คือ 'ความสามัคคี'
ทุกท่านคงตระหนักดีอยู่แล้วว่า พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงเพียรพยายามมาโดยตลอดรัชสมัย ในการพระราชทานพระบรมราโชวาท เน้นย้ำให้คนไทยทุกคน มีสติระลึกรู้อยู่ในความเป็นชาติไทย ให้รู้รักสามัคคี ให้ปรองดอง กลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อจะได้สรรค์สร้างบ้านเมือง ให้ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากความวิวาทบาดหมางและเบียดเบียนกัน
จนกระทั่งถึงรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ก็ได้ทรงสืบสานพระราชปณิธานนั้นๆ สืบมา สมควรที่เราชาวไทย จะได้สนองพระเดชพระคุณ ด้วยการสมัครสมานกลมเกลียวกัน เพื่อจะได้เป็นที่ทรงเบาพระราชหฤทัยผ่อนคลายพระกังวล

แต่ละยุคแต่ละสมัยในบ้านเมืองเรานี้ อาจมีบางเวลาที่บาดหมางกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แตกแยกทางความคิดกันบ้าง เป็นธรรมชาติของสังคมมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร ถ้าคนไทยทั้งหลายเป็น 'บัณฑิต' มีปัญญาและมีความสุจริตเป็นพื้นฐาน ไม่ช้านานเราก็จะสามารถกลับมาสมัครสมานกันได้ดังเดิม
แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม คือถ้าคนไทยไม่มีคุณธรรมความดี โดยเฉพาะขาดสติและขาดปัญญา ก็เท่ากับว่ากลายเป็น 'คนพาล' กลายเป็นคนโง่เขลา ไม่มีทางกลับมาประสานน้ำใจกันได้ดังเคย

ทรงสานพระราชปณิธาน! สมเด็จพระสังฆราช ทรงย้ำเรื่อง \"ความสามัคคี เพื่อความเจริญของบ้านเมือง\" เพื่อสืบสานสิ่งที่ ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งพระทัยไว้
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร) ทรงยกธรรมภาษิตของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชในสมัยรัชกาลที่ ๕ ประทานเป็นแนวทางเพื่อความเจริญของชีวิต

ทรงสานพระราชปณิธาน! สมเด็จพระสังฆราช ทรงย้ำเรื่อง \"ความสามัคคี เพื่อความเจริญของบ้านเมือง\" เพื่อสืบสานสิ่งที่ ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งพระทัยไว้

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเตือนพุทธบริษัทไว้ว่า 'ถ้าแม้นสัตบุรุษวิวาทกัน ก็กลับเชื่อมกันได้สนิทโดยเร็ว ส่วนคนพาลทั้งหลายย่อมแตกกันเหมือนภาชนะดิน เขาย่อมไม่ได้ความสงบเวรกันเลย'
อาตมภาพจึงขอฝากข้อคิดเป็นคำถามไว้ว่า คนไทยในทุกวันนี้ปรารถนาจะเป็นบัณฑิต หรือปรารถนาจะเป็นคนพาล
ถ้าปรารถนาเป็นสัตบุรุษคนดี ก็จงรีบเชื่อมน้ำใจกันให้สนิทโดยเร็ว หยุดการถือเขาถือเรา จงสงบเวรภัยต่อกัน เพื่อยังความเจริญรุดหน้าของบ้านเมืองให้บังเกิดมียิ่งๆ ขึ้นไป อันนับเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ได้อย่างดีที่สุด"
อหนึ่งก่อนที่จะเสด็จมา เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จออก ณ ไพทีหน้าพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปประจำสำนักงบประมาณ 
เจ้าพระคุณได้ประทานพระวินิจฉัยให้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้เป็นศิลปะเชียงแสน ตามพุทธศิลป์อย่างพระพุทธรูปหลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้ประทานถวายนามพระพุทธรูปว่า "พระพุทธวชิโรภาสศาสดา"
ทรงสานพระราชปณิธาน! สมเด็จพระสังฆราช ทรงย้ำเรื่อง \"ความสามัคคี เพื่อความเจริญของบ้านเมือง\" เพื่อสืบสานสิ่งที่ ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งพระทัยไว้

ที่มา : FB : เพจ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช @Sanggharaja Office