ปฏิรูปผ้าเหลืองส่อเหลว! เลี่ยงแตะ ‘พระ’ ลดปัญหาชนม็อบขุมข่าย ‘ธรรมกาย’ สยายปีกต่อ

ปฏิรูปผ้าเหลืองส่อเหลว! เลี่ยงแตะ ‘พระ’ ลดปัญหาชนม็อบขุมข่าย ‘ธรรมกาย’ สยายปีกต่อ


 การที่มหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 31 ส.ค. รับรองมติการแต่งตั้ง “พระราชปริยัติสุนทร” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทราคนใหม่ ทั้งที่พระธรรมมังคลาจารย์  เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ทำหนังสือคัดค้าน เพราะเห็นว่า เคยต้องอธิกรณ์ ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ออกมาคัดค้านกันอย่างกว้างขวาง กำลังเป็นสัญญาณให้เห็นอะไรในอนาคต
 สัญญาณที่ว่าคือ ความหวังในการปฏิรูปศาสนาอาจมาสุดทางแค่การทำให้ “ธัมมชโย” แห่งอาณาจักรธรรมกายไม่สามารถปรากฎตัวต่อสาธารณชนได้อีกเท่านั้น ที่เหลือไม่สามารถไปต่อได้แล้ว ทั้งที่ปัญหาในวงการพระพุทธศาสนามีมากกว่านี้หลายเท่า “ธรรมกาย” เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

 ถามว่า เพียงแค่ตั้งแต่เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทราจะทำให้การปฏิรูปศาสนาล้มเหลวหรือไม่ คงไม่ใช่เสียทีเดียว หากแต่ถ้ามองภาพทั้งหมดจะเห็นว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคือ “การเมืองของสงฆ์” เริ่มตั้งแต่ผู้เสนอวาระเข้าที่ประชุมคือ สมเด็จพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ในฐานะเจ้าคณะหนตะวันออก ที่รับตำแหน่งต่อจากพระพรหมสุธี หรือ “เจ้าคุณเสนาะ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ที่ปิดชีวิตตัวเองด้วยการผูกคอเมื่อไม่กี่ปีก่อน
 ภายหลังการมส.มีมติแต่งตั้งพระราชปริยัติสุนทร เมื่อวันที่ 21 ก.ค. และเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ออกมาคัดค้าน มีโทรศัพท์หลายสายจากพระผู้ใหญ่ที่เป็น “สายวัดสระเกศ” รุมโทรไปหาเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ให้ถอนเรื่อง ไม่เช่นนั้นอาจมีผลกระทบต่อตำแหน่งตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพระพรหมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร พระสุวรรณมหาพุทธาภิบาล หรือ “เจ้าคุณโฮ้”  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม และพระมหาศาสนมุนี หรือ “เจ้าคุณแป๊ะ” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
 ตรงนี้เริ่มพอจะเห็นขุมข่ายที่แข็งแกร่งแล้วใช่หรือไม่

อีกเหตุผลคือ พระผู้ใหญ่เหล่านี้เป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยแฮปปี้กับการทำหน้าที่ของพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ตั้งแต่กรณีตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัด ต่อเนื่องมาถึงเรื่องนี้ที่ทำหน้าที่ส่งหนังสือคัดค้านของเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ กราบบังคับทูลฯ สมเด็จพระสังฆราช
 รู้หรือไม่ว่า การประชุมมส.ระยะหลังๆ “พ.ต.ท.พงศ์พร” ในฐานะเลขาธิการมส. แทบไม่ได้เข้าประชุมเลย ผิดกับอดีตผอ.พศ.ในอดีต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและปะทะด้วย
 อีกเหตุผลว่าทำไมจะล้มเหลวคือ การที่เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะหน่วยตรวจสอบคดีเงินทอนวัด ออกมาระบุว่า จะเอาผิดเฉพาะเจ้าหน้าที่พศ.ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับพระเลย ตรงนี้เป็นเหตุผลที่แสดงให้เห็นว่า ต้องการ “เลี่ยงปะทะกับพระ”
 นั่นหมายความว่า คดีทุจริตเงินทอนวัด คดีทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม จะถูกสาวแค่เจ้าหน้าที่ โดยไม่แตะต้องพระเลยแม้แต่น้อย กล่าวง่ายๆ คือ ตัดทอนไปเลย โดยไม่คิดจะตรวจสอบก่อน!
 สอดคล้องกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่เลยว่า มีรัฐมนตรีบางคนเสนอให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงการปะทะกับม็อบพระ เพราะไม่พร้อมจะรับมือ 
 เมื่อเป็นเช่นนี้ การปฏิรูปที่หลายคนหวังจะเห็น ก็คงจะสุดแค่ “ธัมมชโย” ส่วนสาขาวัด ลัทธิต่างๆ ยังคงยืนอยู่เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง!