หนุ่มชำแหระความจริงอีกด้าน เผยเรื่องที่ลูกค้าไม่มีวันได้รู้จากคนขายประกัน

หนุ่มชำแหระความจริงอีกด้าน เผยเรื่องที่ลูกค้าไม่มีวันได้รู้จากคนขายประกัน

จากกรณีสมาชิกพันทิปหมายเลข 5758676 โพสต์ตั้งกระทู้หัวข้อ "เรื่องจริงที่คนขายประกันไม่ยอมบอกคุณ" ซึ่งหลังจากกระทู้ดังกล่าวถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นกันเป็นจำนวนมาก และน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังคิดจะเลือกซื้อประกันชีวิตในรูปแบบต่างๆได้เป็นอย่างดี

เจ้าของกระทู้โพสต์ข้อความระบุว่า... ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับประกัน เราต้องคุยกันบนตัวบทกกฎหมาย คุยกันบนเอกสารสัญญาที่เขียนไว้ในกรมธรรม์ อะไรก็ตาม ที่ไม่เขียนไว้ในกรมธรรม์ จะมามโนปากเปล่าไม่ได้สัญญา ต้องถูกเขียนไว้ในเอกสารสัญญา ถึงจะมีผลทางกฎหมาย สัญญาปากเปล่าที่ออกมาจา

1.) สัญญาสุขภาพ คือสัญญาที่พิจารณากันแบบปีต่อปี 

ไม่ว่าคุณจะซื้อสัญญาสุขภาพกับบริษัทประกันชีวิต ที่มีสัญญาหลักพ่วงอยู่ หรือซื้อผ่านบริษัทประกันวินาศภัยที่ไม่มีสัญญาหลักพ่วงอยู่ก็ตาม คุณมีสิทธิ์โดนทิ้งไว้กลางทางได้เสมอ ถ้าคุณป่วยหนัก ป่วยเรื้อรัง รักษาไม่หาย เคลมเยอะ เคลมบ่อย มีโอกาสที่ปีต่อไปจะไม่ได้ต่ออายุสัญญา

แต่คนขายประกันบางคนชอบโกหกลูกค้า ว่า ซื้อประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต ไม่มีทางโดนเขี่ยทิ้ง โลกความจริงคือ สัญญาคุ้มครองชีวิตน่ะ ไม่โดนเขี่ย แต่สัญญาสุขภาพน่ะ โดนเขี่ยได้อยู่แล้ว

2. บริษัทประกันมีสิทธิ์ให้ลูกค้าสำรองจ่ายได้ตลอดเวลา 

คำว่าไม่ต้องสำรองจ่าย ไม่มีจริงในทางกฏหมาย คำว่าไม่ต้องสำรองจ่าย เป็นแค่คำโฆษณาเท่านั้น ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นในทางกฎหมาย บริษัทประกันมีสิทธิ์ให้ลูกค้าสำรองจ่ายได้เสมอ ทุกครั้งที่บริษัทมีความสงสัยอะไรบางอย่าง เช่น สงสัยว่าลูกค้าป่วยมาก่อนทำประกันหรือไม่ บริษัทประกันก็จะให้ลูกค้าสำรองจ่าย เพื่อไปสืบหาประวัติของลูกค้า กฎหมายกำหนดให้บริษัทประกันต้องจ่ายเงินคืนให้ลูกค้าภายใน 90 วัน นับจากวันที่บริษัทได้รับเอกสารครบถ้วน

ย้ำอีกที นับจากวันที่บริษัทได้รับเอกสารครบถ้วน ไม่ใช่นับจากวันที่ลูกค้าป่วยนะ และการแถลงการเจ็บป่วยตอนที่ตอบคำถามสุขภาพก่อนทำประกัน ไม่ได้มีผลใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับการต้องสำรองจ่ายหรือไม่สำรองจ่าย

การแถลงการเจ็บป่วย มีผลแค่ว่า เงินที่สำรองจ่ายไป จะได้คืนหรือไม่

กรณีที่ 1 เคยป่วย แล้วแถลงว่าเคยป่วย 
ผลที่ได้คือ ต้องสำรองจ่าย แล้วได้เงินคืน (บริษัทต้องสืบประวัติ ว่าอาการป่วยที่แถลงมานั้น แถลงมาครบรึป่าว หรือแถลงมาแบบโกหก)

กรณีที่ 2 เคยป่วย แล้วแถลงว่าไม่เคยป่วย
ผลที่ได้คือ ต้องสำรองจ่าย แล้วไม่ได้เงินคืน ยกเลิกสัญญากันไป ถือว่าลูกค้าโกหก

กรณีที่ 3 ไม่เคยป่วย แล้วแถลงว่าไม่เคยป่วย
ผลที่ได้คือ ต้องสำรองจ่าย แล้วได้เงินคืน (บริษัทต้องสืบประวัติ ว่าไม่เคยป่วยจริงรึป่าว)

คนขายประกันบางคน เวลาคุยกับลูกค้า จะคุยแค่ว่า ระยะรอคอยโรคทั่วไป 30 วัน ระยะรอคอยโรคร้ายแรง 120 วัน ระยะแฟกซ์เคลม 90 วัน แค่นั้น แต่ไม่ยอมบอกความจริงให้ครบ ว่าถึงจะทำประกันผ่านไป 120 วันแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่จะต้องสำรองจ่ายอยู่ ส่วนใหญ่ปัญหาจะเกิดขึ้นตอนป่วยโรคร้ายๆ เช่น ต้องผ่าตัดภายใน 3 ปีแรกที่ทำประกัน กรณีแบบนี้ส่วนใหญ่จะต้องสำรองจ่าย

ตัวแทนที่ไม่ยอมแจ้งลูกค้าตามความจริง มี 2 แบบ

1.) ตัวแทนเองก็ไม่รู้ ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจกฎหมายประกัน วันๆเอาแต่ท่องข้อความ ท่องคำคมในโฆษณามาคุยกับลูกค้า
2.) ตัวแทนรู้ แต่ไม่กล้าบอกความจริง เพราะถ้าบอกไป กลัวลูกค้าจะไม่ซื้อ

คนที่จะซื้อประกัน ต้องทำความเข้าใจเงื่อนไขของประกันให้ถูกต้อง อย่าเชื่อคำพูดของคนขายประกัน ทุกอย่างต้องอยู่ในเอกสารสัญญากรมธรรม์ สัญญาปากเปล่าไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นในกฎหมาย คนขายประกันจะพูดอะไรมา มันก็ไม่มีผลต่อกฎหมาย

กคำพูดของคนขายประกัน ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นในกฎหมาย และวันนี้ เราจะมาพูดถึงเรื่องจริงที่คนขายประกันไม่ยอมพูด

 

หนุ่มชำแหระความจริงอีกด้าน เผยเรื่องที่ลูกค้าไม่มีวันได้รู้จากคนขายประกัน

                                                                 >>Lazada ดีลช้อปสุดพิเศษ สนใจคลิก<<