ผลวิจัยพบ วัคซีนโควิด ชนิด mRNA เริ่มเอา เดลตา ไม่อยู่

ผลวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ดร. ริคาร์โด ฮอร์เก (INSA) ของโปรตุเกส ระบุว่าวัคซีนป้องโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) อาทิ วัคซีนจากห้องปฏิบัติการของไฟเซอร์ (Pfizer) และโมเดอร์นา (Moderna) มีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา

“ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีแนวโน้มติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีความเสี่ยงมากกว่าสายพันธุ์อัลฟาถึงสองเท่า” สถาบันฯ ระบุ โดยคณะนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์กลุ่มตัวอย่างประมาณ 2,000 คน และพบกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ 1-2 โดส มีภูมิคุ้มกันลดลง โดยผู้ติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา มีปริมาณไวรัสเฉลี่ยสูงกว่า ซึ่งอาจหมายถึงการแพร่ระบาดที่มากกว่าเดิม

ผลวิจัยฉบับนี้ ซึ่งกำลังเตรียมเผยแพร่ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ ระบุว่าการฉีดวัคซีนครบโดสมีประสิทธิภาพป้องกันสายพันธุ์อัลฟาร้อยละ 90 ทว่ากลับลดเหลือร้อยละ 41-80 ในการป้องกันสายพันธุ์เดลตา อีกทั้งสรุปว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมี “ปริมาณไวรัสต่ำและอาจแพร่เชื้อไวรัสฯ น้อยกว่าผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน” ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ใดก็ตาม

การศึกษาดังกล่าวจัดทำขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่สายพันธุ์เดลตาเริ่มแพร่ระบาดในโปรตุเกส โดยครองสัดส่วนร้อยละ 98.9 ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่

ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขโปรตุเกสเผยว่าการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ส่งผลให้โปรตุเกสมีผู้ป่วยเสียชีวิต 17,645 รายแล้ว นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 จากจำนวนผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศ 1,020,546 ราย