ทนายตั้ม โชว์ทรัมไดร์ฟ เปิดที่มาคลิปลับ ผู้กำกับโจ้ ให้ปากคำเพิ่ม

สืบเนื่องจากกรณีที่ ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ออกมาแฉคลิปในห้องควบคุมผู้ต้องหา จนทำให้การเปิดโปงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด 05 ของ สภ.เมืองนครสวรรค์ กระทั่งสามามรถตามควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 คน และหนึ่งในนั้นคือ ผู้กำกับโจ้ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ 

ล่าสุด ทนายตั้ม เดินทางเข้าพบรองจเจตำรวจแห่งชาติ​ และคณะพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำในประเด็นคลิป อดีตผู้กำกับโจ้ โดยได้แสดง​ทรัมไดร์ฟ ​ที่ภายในบรรจุข้อมูลเป็นคลิปวิดีโอ ซึ่งได้มีการอ้างว่า เป็นหลักฐานพฤติกรรม​ของ​กลุ่มตำรวจฝ่ายปราบปราม สภ.เมืองนครสวรรค์ ทั้ง 7 คน​  

พร้อมกันนี้ ทนายตั้ม ยังได้เปิดเผยสั้นๆ ก่อนให้ปากคำด้วยสีหน้าสดใส พร้อมกับระบุว่า ตัวเองไม่มีความกังวลใจ​  พร้อมจะให้ข้อมูลกับตำรวจ​ในคดีผู้กำกับโจ้ ส่วนจะมีการเปิดเผยข้อมูลกับสื่อได้หรือไม่นั้น ขอปรึกษา​กับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รองจเจตำรวจแห่งชาติ​ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการ​ตรวจสอบวินัยร้ายแรง​ ใน "คดีผู้กำกับโจ้"  เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนสอบปากคำ ทนายตั้ม ว่า ได้เชิญทนายตั้ม​ มาให้ปากคำ​ เกี่ยวกับที่มาของคลิป และรายละเอียด​ทั้งหมด​  โดยคณะทำงานจะทำการรวบรวมพยานหลักฐาน​ให้แล้วเสร็จ​ จากนั้นจะเข้าไปแจ้งข้อหากับ​ตำรวจ ทั้ง​ 7​ นายภายในเรือนจำ​ ซึ่งจะให้สิทธิ์​ตำรวจทั้ง 7 นาย ในคดี "ผู้กำกับโจ้" สามารถชี้แจงข้อเท็จจริง​ได้ทุกเรื่อง​ 

 

ทั้งนี้ รองจเจตำรวจแห่งชาติ​ ยังได้ระบุต่อไปอีกว่า ยังยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย​ ซึ่งในการตรวจสอบครั้งนี้​ คณะทำงานของตนเองจะเน้นไปที่การตรวจสอบเพื่อลงโทษ​ทางวินิย  ซึ่งโดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา

 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.สราวุฒิ ยังได้ระบุถึง ประเด็น​ที่มีกระแสข่าว​ว่า​ กรณีคลิปฉาวคดีผู้กำกับโจ้ ที่ถูกปล่อยออกมา เกิดจากความขัดแย้งของตำรวจชุด 05 ​นั้น​ จะยังไม่มีการตรวจสอบในชั้นนี้​ เนื่องจากเป็นคนละประเด็น​ แต่ยืนยันว่าที่มาของคลิปไม่มีผลต่อการพิจารณา​โทษทางวินัย​กับนายตำรวจทั้ง 7 ​นาย​ ซึ่งโทษทางวินัยจะพิจารณา​เป็นรายบุคคล​ไปตามพยานหลักฐาน​และการกระทำ

 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.สราวุฒิ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า หาก ทนายตั้ม  ปฏิเสธ​ที่จะบอกที่มาของคลิปในคดี "ผู้กำกับโจ้" ดังกล่าว​ ก็ไม่เป็นอุปสรรค​ต่อการสอบสวน​ เนื่องจากตำรวจมีขั้นตอนการสอบสวน​ อีกทั้งมีพยานหลักฐาน​อย่างอื่นมาประกอบ