"อ.เจษฎ์"เตือน วิธีดูงูตัวไหน มีพิษ ไม่มีพิษ ที่แชร์กัน ใช้ไม่ได้กับงูในไทย

"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เตือน "ลักษณะทรงหัวของงู" และลักษณะอื่นๆ ที่แชร์กันว่า ใช้บอกได้ว่าเป็นงูมีพิษ หรือไม่มีพิษ นั้น ไม่สามารถฟันธงกับงูในประเทศไทยเรา

"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ระบุข้อความว่า
 

ระวังนะครับ "ลักษณะทรงหัวของงู" และลักษณะอื่นๆ ที่แชร์กันว่า ใช้บอกได้ว่าเป็นงูมีพิษ หรือไม่มีพิษ นั้น ไม่สามารถฟันธงกับงูในประเทศไทยเราได้ครับ อันตรายถ้าจดจำไปใช้ !!

"อ.เจษฎ์"เตือน วิธีดูงูตัวไหน มีพิษ ไม่มีพิษ ที่แชร์กัน ใช้ไม่ได้กับงูในไทย

อย่างในรูปนี้ ซึ่งเอามาจากเพจประเภทแนะนำทริคต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และบอกว่า "งูพิษจะมีหัวเป็นทรงสามเหลี่ยม" นั้น ก็เป็นภาพที่เอามาจากงูในต่างประเทศครับ ซึ่งไม่ครอบคลุมกับงูในประเทศไทยเรา
บทความหนึ่งในเพจ "หมอชาวบ้าน"(https://www.doctor.or.th/article/detail/5311) ได้เคยเตือนไว้เหมือนกันว่า "ลักษณะของหัว จะใช้จำแนกว่างูชนิดใดมีพิษและไม่มีพิษไม่ค่อยได้ งูที่มีหัวรูปสามเหลี่ยม ก็ไม่ใช่ว่าจะมีพิษเสมอไป ในทำนองเดียวกัน งูที่หัวต่อกันเป็นท่อนเดียว มีพิษ ก็มีมาก" 

ที่ละเดียดกว่านี้ คือ รายการ "ชัวร์ก่อนแชร์" ของสำนักข่าวไทย ก็เคยทำคลิปเตือนไว้แล้วครับ ว่า "7 ข้อสังเกตงูมีพิษ-งูไม่มีพิษ จริงหรือ?" นั้น ไม่ถูกต้อง ไม่ควรแชร์ต่อ (https://www.youtube.com/watch?v=IagZQOy3heI) มีรายละเอียด ดังนี้

- มีการแชร์ข้อความกันในโลกโซเชียล วิธีดูว่างูตัวไหน มีพิษ หรือไม่มีพิษ 7 ข้อ เช่น งูมีพิษ มีหัวเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ดวงตาเป็นรอยบากแนวตั้ง ใต้ปลายหางมีเกล็ดเรียง 1 แถว และเฉพาะงูไม่มีพิษเท่านั้นที่ว่ายน้ำ ?

- ทางรายการได้ไปสอบถามกับคุณธนพงษ์ ตวัน นักวิทยาศาสตร์การแพทย์  สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย .. ได้รับคำอธิบายว่า ข้อมูลที่แชร์กันมักจะแปลมาจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่มักจะใช้ไม่ได้ผลกับงูในประเทศไทยเรา ดังนี้

1. "งูพิษส่วนใหญ่มีหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม" : 

- อาจจะใช้ได้กับ กลุ่มงูที่มีพิษต่อระบบเลือด (เช่น งูเขียวหางไหม้ งูกะปะ งูแมวเซา ) ซึ่งส่วนใหญ่มีหัวเป็นทรงสามเหลี่ยม มีขนาดหัวใหญ่กว่าลำตัว ลำตัวก็จะอ้วนป้อม 

- แต่ในประเทศไทย มีกลุ่มงูที่มีพิษต่อระบบประสาทด้วย (เช่น งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม) ซึ่งหัวก็ไม่ได้เป็นทรงสามเหลี่ยม

2. "ให้สังเกตสี งูพิษบางชนิด เช่น งูปะการัง จะมีสีสดใส" 

- สีตัว ไม่สามารถบอกได้ว่างูมีพิษ หรือไม่มีพิษ

- ข้อมูลนี้แปลจากต่างประเทศ คือพูดถึง งู coral snake ที่มีพิษ แต่สีของมันก็เหมือนกับงูไม่มีพิษ ที่ชื่อว่า milk snake ที่คนนิยมเอาเลี้ยง

3. "มองเข้าไปในดวงตางู งูพิษจะมีรอยบากตามแนวตั้งในดวงตา" 

- ตัวรูม่านตา นั้นบอกไม่ได้ว่าเป็นงูพิษ หรืองูไม่มีพิษ 

- งูพิษ ที่มีรูม่านตา ในแนวตั้ง ก็อย่างเช่น งูเขียวหางไหม้ 

- แต่ก็มีงูพิษ ที่มีรูม่านตา เป็นรูม่านตากลม อย่างเช่น งูเห่า งูสามเหลี่ยม 

"อ.เจษฎ์"เตือน วิธีดูงูตัวไหน มีพิษ ไม่มีพิษ ที่แชร์กัน ใช้ไม่ได้กับงูในไทย

4. "ดูการสั่นของหาง ถ้างูสั่นหาง มีพิษแน่นอน" 

- มีงูพิษอย่าง งูหางกระดิ่ง ที่ทำพฤติกรรมสั่นหางได้ แต่ไม่ใช่ว่างูพิษอื่นๆ จะทำแบบนั้น

- งูพิษบางชนิดในประเทศไทย เช่น งูเขียวหางไหม้ งูกะปะ พบพฤติกรรมการตีหาง (ไม่ใช่การสั่นหาง) โดยเวลาที่มันถูกรบกวน จะใช้หาง ตีกับพื้นผิวที่ยึดเกาะอยู่ เป็นสัญญาณป้องกันตัวเอง

- ส่วนงูเห่า งูสามเหลี่ยม จะไม่มีพฤติกรรมการตีหาง แบบนั้น 

5. "ดูเกล็ดใต้ปลายหาง งูพิษจะมีเกล็ด 1 แถว ส่วนงูไม่มีพิษจะมี 2 แถว" 

- ไม่จริงเลย อย่างงูเห่า จะมีทั้งตัวที่มีเกล็ดเดี่ยว และตัวที่มีเกล็ดคู่ 

6. "เฉพาะงูไม่มีพิษเท่านั้น ที่ว่ายน้ำ" 

- งูทุกชนิดว่ายน้ำได้ ! ทั้งงูพิษและงูไม่มีพิษ 

7. "กรณีที่ถูกงูกัด ให้ดูรอยกัด ถ้างูพิษ จะมี 2 จุดใกล้กัน" 

- พอใช้เป็นข้อสังเกตได้ 

- งูพิษจะมีเขี้ยวพิษ เมื่อถูกกัด บาดแผลก็จะมีรอยเขี้ยว อาจจะมีจุด 2 จุดจากทั้ง 2 เขี้ยว หรือถ้ามี 1 จุดก็อาจจะถูกแค่เขี้ยวเดียว 

- ส่วนงูไม่มีพิษ ไม่มีเขี้ยวพิษ ก็จะเห็นเป็นรอยฟัน  
#สรุปว่า วิธีดูว่างูตัวไหนมีพิษ หรือไม่มีพิษนั้น : ควรจดจำเป็นตัวๆ เป็นชนิดๆ ไปเลยดีกว่า เพราะงูพิษหลักๆ ในประเทศไทยเรานั้นมีไม่กี่ชนิด ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา งูเขียวหางไหม้ งูกะปะ และงูแมวเซา